สร้างธุรกิจส่วนตัวให้ “ปัง” ตามสไตล์ “เจ เค โรว์ลิ่ง”

     คนรุ่นใหม่มีความคิดที่จะเป็นผู้ประกอบการอยู่มาก หลายคนเพิ่งจบออกมาก็อยากจะมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตนเองทันที ก็ไม่แปลกที่ใครๆก็อยากเป็นนายตัวเอง แต่ทว่าพออยากจะเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวจริงๆกลับไม่รู้ว่าจะ “เริ่มต้นธุรกิจอะไรดี” เพราะไม่มีแนวทางและประสบการณ์ที่มากพอ และที่สำคัญคนรุ่นใหม่มักใจร้อนเสียด้วย มักจะตั้งคำถามแรกเลยว่าทำอย่างไรธุรกิจจะ “ปัง” แบบข้ามคืน ครั้งนี้เรามีโค้ชคนใหม่แห่งโลกธุรกิจมาให้คำแนะนำแก่คุณ โค้ชคนนี้ชื่อว่า เจ เค โรว์ลิ่ง

โจทย์แรกกับธุรกิจส่วนตัว ต้องเริ่มจากถามตัวเองว่า “ถนัดอะไร”

     มันดูเหมือนคำถามที่ไม่ยาก แต่เชื่อว่าหลายคนตอบไม่ได้ ถึงตอบได้ก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าใช่ไหม ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเริ่มต้นธุรกิจอะไรดี ไม่ต้องมองหาไกล มองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวที่คุณชอบและถนัดที่สุด ขอให้คุณเข้าใจไว้ว่าธุรกิจส่วนตัวที่มีโอกาสประสบความสำเร็จนั้นต้องเริ่มจากสิ่งที่คุณชอบและคุณเชี่ยวชาญ ยิ่งรู้ลึกและเชี่ยวชาญมากโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจส่วนตัวเป็นที่รู้จักเพียงเวลาไม่นานก็ยิ่งมีความเป็นไปได้สูง ไม่มีธุรกิจใดที่ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้โดยปราศจากความรู้ลึกรู้จริง นี่คือก้าวแรกของวิธีการทำธุรกิจที่ถูกต้องและดีที่สุด “เริ่มจากสิ่งที่รัก ทำจากสิ่งที่เชี่ยวชาญ” หลายคนอาจจะเถียงว่า สิ่งที่ถนัดและเชี่ยวชาญน่ะ เผอิญมันไม่สามารถนำไปทำธุรกิจส่วนตัวได้ อันนี้ขอบอกเลยว่าไม่จริง เพราะมีหลายคนที่รวยได้จากสิ่งที่ชอบ ยกตัวอย่างเช่น เจ เค โรว์ลิ่ง เจ้าของผลงานหนังสือชุด แฮรี่ พอตเตอร์อันโด่งดัง เธอผู้นี้เปลี่ยน ”จินตนาการให้เป็นความร่ำรวยแบบไม่มีขอบเขต” ไม่ต้องนั่งฝันถึงธุรกิจส่วนตัวก็สามารถรวยได้กว่านักธุรกิจหลายคนบนโลก

     เจ เค โรว์ลิ่งเริ่มสะสมความร่ำรวยมาตั้งแต่วัยเด็กจากการอ่าน หนังสือที่เธออ่านสมัยเด็กๆ คือ เรื่อง The Little White Horse ซึ่งเป็นหนังสือที่เธอโปรดปรานมากที่สุด และหนังสือเล่มนี้ยังมีอิทธิพลต่อการเขียนเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ของเธออีกด้วย เธอเริ่มขยับจากการอ่าน เข้ามาสู่การเขียนตอนอายุได้ 6 ขวบ โดยเขียนหนังสือเล่มแรกขึ้นมาชื่อ Rabbit ซึ่งเป็นเรื่องของกระต่ายที่ต้องจับเจ่าอยู่แต่ในบ้านเพราะไม่สบายออกหัก แต่ถึงไม่ได้ออกไปไหนก็ไม่เหงาเพราะมีเพื่อนสัตว์อื่นๆมาเยี่ยมเป็นเพื่อนเล่นอยู่ไม่ขาด ซึ่งเรื่องนี้ก็มาจากเรื่องราวของเธอเองตอนเธอไม่สบายเป็นหัด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะสร้างรายได้มหาศาลให้เธอกลายเป็นคนรวยติดอันดับโลกในเวลาต่อมา สำหรับเจ เค โรว์ลิ่ง เองก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ต้องเริ่มต้นชีวิตทำงานจากการเป็นลูกน้องลูกจ้าง ชีวิตเธอก็ขึ้นๆลงๆเหมือนทุกคน และก็เคยยากจนถึงขนาดต้องไปลงทะเบียนคนจนเพื่อขอบัตรสวัสดิการเพื่อยังชีพมาแล้ว แต่ในความลำบากไร้สิ้นหนทางนั้นเองที่ทำให้เธอหันกลับมาถามตัวเองอีกครั้งหลังจากหลงไปกับโลกอยู่นานว่า “ฉันทำอะไรได้” และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนแฮรี่ พอตเตอร์ หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

ความเชื่อมั่นเป็นกลยุทธ์สำคัญของความสำเร็จในทุกๆเรื่อง

     ในการเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะมีวิธีการทำธุรกิจที่ดีเยี่ยมแค่ไหน แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพียงภาคทฤษฎีที่อยู่ในตำรา อาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ แต่สิ่งที่คุณต้องมีอยู่ตลอดเวลาก็คือ “ศรัทธา” นี่คือไม้เด็ดสำคัญของคนทำธุรกิจส่วนตัว คุณต้องเชื่อมั่นและอึดให้พอกับสิ่งที่คุณรักและที่คุณคิดว่าใช่ จงอย่าลืมว่า “ตึกสูง 100 ชั้นก็เริ่มต้นจากอิฐทีละก้อน” ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป คุณต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองมีมันถึงจะทำให้คุณฝ่าไปถึงเป้าหมายที่คุณต้องการได้ เจ เค โรว์ลิ่งเองกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็ต้องบอกว่า “เธออึด” จริงๆ ใช่ว่าเธอจะเขียนหนังสือเล่มเดียวแล้วโด่งดังเป็นมหาเศรษฐีเลย กว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอส่งงานเขียนของเธอในเรื่องอื่นๆไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆถึง 12 แห่ง ระหว่างนั้นชีวิตของเธอก็ต้องอยู่ในความยากลำบากต้องเลี้ยงลูกภาระค่าใช้จ่ายก็เท่าทวี แต่เธอไม่ประสบความสำเร็จสำนักพิมพ์ทั้ง 12 แห่งที่เธอส่งผลงานไปต่าง “ปฏิเสธ” ทั้งหมดโดยบอกเธอว่าฝีมือการเขียนของเธอ “ไม่อยู่ในเกณฑ์พิจารณา”อยากให้คุณมองตรงจุดนี้ให้ดีในวินาทีที่ใครต่างไม่เห็นค่าในงานของเธอ แต่สำหรับตัวเธอเองแล้วงานเขียนเหล่านั้นคือ “ผลงานอันทรงคุณค่า” เธอศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองอยู่เสมอ และในที่สุดพอเธอเขียน แฮรี่ พอตเตอร์ สิ่งที่เธอเชื่อมั่นมาตลอดเวลาก็เป็นจริง เธอเปลี่ยนความรักและความถนัดของเธอให้กลายเป็นเงินและเป็นธุรกิจส่วนตัวแบบมีเอกลักษณ์ของเธอเอง แต่ถึงกระนั้นคุณก็อย่าเพิ่งคิดว่า เมื่อเธอขึ้นมาถึงจุดสูงสุดนี้แล้วสวรรค์จะหยุดทดสอบเธอ มีเรื่องน่าตลกเมื่อตอนต้นๆปีที่ผ่านมาเจ เค โรว์ลิ่งได้เผยแพร่จดหมายปฏิเสธต้นฉบับจากสำนักพิมพ์หลากหลายที่ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ ซึ่งจดหมายเหล่านั้นเป็นจดหมายตอบปฏิเสธในการพิจารณาหนังสือเรื่อง The Cuckoo’s Calling ซึ่งที่น่าขันก็คือสำนักพิมพ์เหล่านั้นไม่รู้เลยว่านี่เป็นงานเขียนของเจ เค โรว์ลิ่ง เพราะเธอได้ส่งงานชิ้นนี้ไปภายใต้นามปากกา Robert Galbraith ที่สำคัญจดหมายบางฉบับยังจิกกัดและตอกย้ำในฝีมือการเขียนของเธอด้วยว่า “ควรไปลงเรียนคอร์สฝึกเขียนอย่างจริงจังได้แล้ว ถ้าอยากดัง”

     คุณเห็นไหมว่าแม้เธอจะรวยแล้วก็ตามแต่สวรรค์ยังคงทดสอบเธออยู่เสมอ สำนักพิมพ์เหล่านั้นป่านนี้คงตีอกชกตัวกันเป็นการใหญ่เลยทีเดียวถ้ารู้ว่าปฏิเสธงานเขียนของใครไป การที่เจ เค โรว์ลิ่งนำจดหมายเหล่านี้มาเปิดเผยไม่ใช่ว่าเธอต้องการเอาคืนสำนักพิมพ์หลังจากถูกปฏิเสธ แต่ที่เธอเปิดเผยออกมาก็เพื่อต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธต้นฉบับ และเรื่องราวของเธอยังเป็นแนวคิดและตัวอย่างที่ดีของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจส่วนตัวสาขาอื่นๆอีกด้วย