สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้มีการเปิดเผยเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับการคลัง ในปีงบประมาณ 2560 มีหลายประเด็นที่น่าสนใจแต่ประเด็นที่ใกล้ตัวคนไทยมากๆก็คือ จากการประมาณการณ์เป็นไปได้ว่า อีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยเราจะมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสูงถึง 10 ล้านล้านบาท

     สศค.ระบุชัดเจนว่า ปีงบประมาณ 2561-2566 กระทรวงการคลังจะต้องกู้เงินมาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีกจำนวนมาก  การเงินและการคลังในช่วงดังกล่าว จะไม่สามารถเข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ว่าจะเป็นกรณีสถานการณ์บ้านเมืองปกติ สถานการณ์ดีขึ้น หรือสถานการณ์แย่ลงก็ตาม ดูจากประมาณการหนี้สาธารณะในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มจาก 6,928,730 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 10,248,315 ล้านบาทในปี 2566

     การออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของ สศค. เห็นชัดว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้รัฐบาลต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะนโยบายหรือมาตรการทางด้านภาษีของรัฐบาลอาจเป็นสาเหตุให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ตํ่ากว่าที่ประมาณการไว้ อาจเป็นผลเสียต่อโครงสร้างรายได้ของรัฐบาลในภาพรวม อีกทั้งความเสี่ยงด้านรายจ่ายอื่นๆ หากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ รัฐบาลต้องนำงบประมาณออกมาใช้จ่ายเพื่อแก้วิกฤตอยู่แล้ว ยิ่งทำให้รัฐมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อระดับหนี้สาธารณะ ระดับเงินคงคลัง รวมไปถึงความยั่งยืนทางการคลัง เท่านั้นยังไม่พอผลพวงจากการที่ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุรายจ่ายด้านสวัสดิการรักษาพยาบาลและสวัสดิการหลังเกษียณอายุของรัฐบาลขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เป็นส่งผลกระทบต่อการเงินการคลังของประเทศเพิ่มขึ้นไปอีก

     เมื่อรูปการณ์ชี้ออกมาแนวนี้ ภาพรวมคุณภาพชีวิตของคนไทยก็ต้องเรียกว่าน่าเป็นห่วงทีเดียว เมื่อรัฐมีการใช้จ่ายงบประมาณไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์มากมาย ทำให้คลังพร่องไปมากจนเงินสำรองของประเทศลดน้อยลง แต่รัฐเองก็ไม่ได้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากทางไหน นั่นจึงเป็นการส่งผลกระทบระยะยาวแน่ๆต่อโครงสร้างสังคมของคนไทย ที่แต่ละคนแต่ละช่วงวัยจะต้องมีการแบกรับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น สำหรับประชาชนอย่างเราๆ เป็นไปได้ก็คงต้องออมเงินกันให้มากขึ้น เพราะจะหวังเงินสวัสดิการจากรัฐอย่างเดียวนั้นก็คงจะไม่ได้แน่ๆ