มีใครชอบอ่านหรือดูหนังพวกตำนานรบสงครามสมัยก่อนบ้างไหม จริงอยู่ว่าภาพยนตร์หลายเรื่องดูเอามัน แต่ก็มีหลายเรื่องที่พิจารณาดีๆแล้ว อาจพบว่ามีข้อคิดคติเตือนใจเราได้มากมายเลยทีเดียว อีกทั้งถ้ามองกันในแง่ของการทำธุรกิจการค้า ภาพยนตร์หลายๆเรื่องสอดแทรกกลยุทธ์ธุรกิจ กลยุทธ์การตลาด รวมถึงแนวทางการดำเนินชีวิตไว้ในเรื่องได้อย่างแนบเนียน
เมื่อน้ำน้อยใช่ว่าจะแพ้ไฟกองใหญ่เสมอไป
ภาพยนตร์เรื่อง 300 คือภาพยนตร์แนวสงครามอีกเรื่องที่สอดแทรก กลยุทธ์ธุรกิจ กลยุทธ์การตลาด รวมถึงแนวทางการดำเนินชีวิตไว้ในเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้งสองเวอร์ชั่นที่ถูกนำมาฉายนั้นเนื้อเรื่องเป็นประวัติศาสตร์สงครามระหว่างชนชาติ สปาร์ต้าหรือสปาร์ตัน(Sparta)และเปอร์เซีย(Persia) ในช่วงยุคสมัยราว 480 ปีก่อนคริสตกาล จุดขายของภาพยนตร์เรื่องนี้คือฉากของการสู้รบที่ดุเดือดเลือดพล่าน ที่ผู้กำกับต้องการแสดงให้เห็นถึงภาพความดิบเถื่อนโหดร้ายในสนามรบ แต่ในขณะเดียวกันเรื่องก็ผสานความประทับใจในการเสียสละ ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกองทัพเล็กๆ ที่หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวและกล้าเผชิญหน้ากับกองทัพมหึมา 300 คนที่ต้องปะทะกับศัตรูเรือนแสน และนั่นแหละคือสุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจตลอดกาล
นักรบแค่หยิบมือ ต้องสู้กับฝั่งตรงข้ามที่มีกำลังพลมากกว่า
สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงในโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ถ้าคุณทำธุรกิจบริษัทเล็กๆ ร้านค้าเล็กๆ กำลังผลิตและเงินทุน รวมถึงกำลังคนก็น้อย ยากเหลือเกินที่จะไปต่อสู้กับบริษัทใหญ่ๆได้ หรือคุณเป็นคนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนตำแหน่งเล็กๆในบริษัท ยากเหลือเกินที่จะงัดข้อกับคนที่มีตำแหน่งใหญ่กว่า หรือจะถอยลงมาดูเรื่องเรียน โรงเรียนวัดหรือมหาวิทยาลัยที่ชื่อชั้นปลายๆ ผลิตนักศึกษาออกมาสง่าราศีก็ยากที่จะเทียบกับคนที่เรียนโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่เราขอบอกคุณว่าถ้าคุณเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่เล็ก ก็อย่าได้คิดว่าจะด้อยโอกาสชนะเสมอไป แค่คุณต้องมีกลยุทธ์ในการสู้ที่ดีและ + ด้วยความอึด เฉกเช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง 300 ซึ่งผู้กล้าทั้ง 300 คนก็คงตระหนักดีอยู่แล้วว่าฝ่ายตนด้อยกว่าในทุกทาง จึงออกอุบายไปตั้งรับข้อศึกอยู่บริเวณช่องแคบเทอร์โมไพลา ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงนครเอเธนส์ และที่พีคที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ มันเป็นช่องแคบที่มีชัยภูมิเป็นต่อเสียเหลือเกิน เพราะไม่ว่าเปอร์เซียจะยกมากี่หมื่นกี่แสน ก็เดินทัพเข้ามาได้ทีละหยิบมือเดียวเท่านั้น ต้องยอมรับมวยรองฉลาดมากรู้จักใช้โลเกชั่นเพื่อเปลี่ยนความเสียเปรียบให้กลายเป็นความเท่าเทียมอย่างร้ายกาจ!!
แม้ว่าฝ่ายพระเอกจะพ่ายไปในที่สุด แต่การแพ้ครั้งนี้เป็นการแพ้ที่โครตสง่างาม เพราะเป็นสิ่งที่จารึกลงไปในประวัติศาสตร์โลกถึงความกล้าหาญและเกรียงไกรของพวกเขา แพ้แต่ก็ได้ใจคนดูว่างั้นเถอะ แถมได้ใจคู่ชกด้วยนะ เพราะในประวัติศาสตร์มีบันทึกว่าหลังจากที่ฝ่ายเปอร์เซียล้างบางชาวสปาร์ตันไปเรียบร้อย พวกเขายังรู้สึกประทับใจในคู่ต่อกรกลุ่มนี้ถึงขนาดที่ให้เก็บศพของชาวสปาร์ตันไปทำพิธีอย่างสมเกียรติ เพื่อยกย่องความฉลาดล้ำและกล้าหาญเหนือใคร แม้เรื่องราวนี้จะดูเว่อร์เสียเหลือเกิน แต่นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วในประวัติศาสตร์การรบของโลก สมัยสงครามโลกตอนที่รัสเซียต้องรบกับเยอรมันและฝรั่งเศส รัสเซียมีกำลังพลน้อยกว่าเรียกว่าเป็นรองแต่สุดท้ายก็สามารถพลิกมาชนะได้ หรืออย่างสงคราม 9 ทัพ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ของไทยเราเองก็มีลักษณะเข้าตำรานี้อีกเช่นกัน
กลยุทธ์ยักษ์เล็กโค่นยักษ์ใหญ่
ภาพยนตร์เรื่อง 300 รวมถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เรากล่าวมาข้างต้น พอจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพในเชิงการธุรกิจและการใช้ชีวิตได้ด้วยเหมือนกัน เพราะดูเหมือนหลายคนมักจะเริ่มต้นมองเห็นจุดอ่อนของตนเองตั้งแต่ยังไม่กรีฑาทัพออกจากประตูบ้าน “เรามันไม่มีทุน” “เรามันองค์กรเล็ก” “เรามันเป็นแค่ลูกจ้าง” เอาเข้าจริงถ้าจะว่าไป ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจล้วนๆ เพราะถ้าดูจากกลยุทธ์ของยักษ์เล็กที่โค่นยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่เรากล่าวมาข้างต้นแล้ว เราอาจจะเห็นได้ว่า ชัยชนะทั้งหมดย่อมหนีไม่พ้น 3 ปัจจัยสำคัญด้วยกันก็คือ
- Scale(ขนาด)
- Scope (การรวมตัว)
- Speed (ความรวดเร็ว)
ขอเพียงแต่เริ่มต้นกล้าที่จะคิด กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะทำ และกล้าที่จะนำการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจเล็กก็ลุกขึ้นมาเดินนำหน้าได้เหมือนกัน แค่อาจจะต้องมีมุมมองการตลาดหรือเทคนิคที่แตกต่าง หรือแม้แต่คุณจะเป็นแค่พนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ารู้จัก Scale หรือ ความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง มีการเตรียม Scope คือ การเก็บออมเงินทุน และมี Speed คือความกล้าได้กล้าเสีย คิดเร็วทำเร็ว คุณเองก็สามารถที่จะออกจากองค์กรที่คุณเบื่อหน่าย มาค้าขายทำธุรกิจของตัวเองได้เช่นกัน
อะไรทำให้ไมโครซอฟต์ตอนก่อตั้งด้วยฝีมือของนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบสามารถเอาชนะเจ้าตลาดอย่าง IBM ได้ อาลีบาบาจากฝีมือของหนุ่มซินตึ๊งที่รู้เรื่องอินเตอร์เน็ตแบบงูๆปลาๆก็ยังลุกมากระแทกไหล่ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ได้ ในบ้านเราสุกี้ MK ก็มีจุดเริ่มต้นมากจากฝีมือต้มซุปที่ลือชื่อของป้าทองห้องแถมเดียว จนผงาดขึ้นมาทำให้ยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารอย่างซี่พีต้องยอมยกธงขาวให้ สมัยก่อนคนทำธุรกิจมักมีความเคยชินกับวิธีคิดที่ “เกรงใจ” องค์กรใหญ่ๆ โตๆ เพราะดูน่าเกรงขามไปเสียหมด ทั้งขนาด จำนวนคน ตึกอาคารดูหรูหรามหึมา แถมยังมีสาขากระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แต่ในปัจจุบันนี้หลายองค์กรค้นพบความลับของจักรวาลแล้วว่า องค์กรยิ่งใหญ่ก็ยิ่งต้องแบกน้ำหนักของตัวเองเอาไว้จนเทอะทะอุ้ยอ้าย จะตัดสินใจหรือทำอะไรสักเรื่องก้ต้องใช้เวลา ที่สำคัญคือ ความใหญ่บางครั้งก็ทำให้คิดอ่านทำการใดไม่ค่อยออกหลายองค์กรต้องกัดฟันยอมรับความจริงที่ว่า คนเป็นพันนั้นเอาเข้าจริงมีที่ทำเงินให้องค์กรได้ไม่ถึงครึ่ง ที่เหลือกลายเป็นฟันเฟืองที่ค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพที่จะเอาออกเพื่อใส่เฟืองใหม่ๆดีๆเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำให้ปีๆหนึ่งต้องหมดต้นทุนกับการดูแลบำรุงรักษาฟันเฟืองที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์เหล่านั้นไปมากมาย ดังเช่นคำกล่าวหนึ่งในเรื่อง 300 เวอร์ชั่นแรก ที่พระเอกกล่าวกับกษัตริย์ของฝ่ายศัตรูว่า
You have many slaves, but few warriors.
ท่านมีทาสมากมาย แต่มีนักรบเพียงน้อยนิด
ใหญ่ เยอะ ก็เทอะทะ
คุณทราบหรือไม่ว่าองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในต่างประเทศและในบ้านเรา เริ่มหันมาใช้นโยบาย “เล็ก ลด เลิก”
- เล็ก – ในเรื่องของการบริหารจัดการ ปรับระบบให้เล็กเพื่อความคล่องตัว
- ลด – คือพยายามลดขั้นตอนที่หยุมหยิมล่าช้า
- เลิก – คือเลิกพฤติกรรมการทำงานตามรูปแบบเดิมๆ ที่เป็นแพตเทิร์นสำเร็จรูปที่เคยใช้มา แต่เน้นกระตุ้นให้คนคิดและค้นหาจินตนาการใหม่ๆในการทำงาน โดยไม่ยึดติดอยู่กับความสำเร็จในอดีตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจหรือทำงานในวงการใดๆอยู่ก็ตาม ความเล็กไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะ “เล็ก” ก็มีโอกาสโค่น “ใหญ่” ได้ ถ้าคุณมียุทธวิธีที่ดีและมีความ “อึด” เพียงพอ เราใหม่เราเล็กข้อดีคือเราสดกว่าและคล่องตัวกว่า ก็จงเอาสิ่งที่เป็นจุดเด่นเหล่านี้มาใช้ เวลาเดินลงสนามแข่งจริงก็พยายามอย่าหวั่นไหว ทำใจให้เข้มแข็งสู้ไปเรื่อยๆ ตอนออกตัวเขาอาจจะนำไปหลายก้าวแต่ใครจะรู้ว่าคู่แข่งเราอาจจะแผ่วปลายก็ได้ และช่วงนั้นแหละคือโอกาสของเราที่จะขึ้นไปสู้กับเขาได้อย่างสูสี