ใครที่เล่นหรืออยู่ในวงการ “หูฟัง” เชื่อว่าคงต้องรู้จักร้านขายหูฟังระดับเทพอย่าง “มั่นคงแก็ดเจ็ท” กันแน่นอน เพราะร้านนี้ถือว่าเป็นแบรนด์แรกๆที่จัดจำหน่ายแต่หูฟังคุณภาพเสียงดี ซึ่งมีให้ลูกค้าเลือกซื้อตั้งแต่ระดับหลักพันต้นๆ ไปจนถึงราคาหลักหมื่น มั่นคงแก็ดเจ็ทมีหน้าร้านของตนเองสาขาต่างๆอยู่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และก็ยังมีช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ด้วย ซึ่งช่องทางที่สองนี้ถือว่าเป็นช่องทางที่สำคัญมากที่ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นที่รู้จักของคนที่รักการฟังเพลง
มั่นคงแก็ดเจ็ท ทางเลือกสำหรับคนรักการฟังเพลง
กมล พูนทรัพย์ และ อัฐพงษ์ เอี่ยมไพบูลย์ 2 คูู่หูนักฟังเพลงที่เป็นผู้ร่วมกันก่อตั้งมั่นคงแก็ดเจ็ทขึ้นมา เปิดเผยว่า เมื่อตอนเริ่มต้นทำแบรนด์นี้ขึ้นมา เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเมื่อคนนึกถึงเรื่องการฟังเพลงทุกคนจะนึกถึงแต่เครื่องเสียงหรือหูฟังจากแบรนด์ที่คุ้นหู การจะเปิดร้านจัดจำหน่ายหูฟังหรือเครื่องเสียงเฉพาะแบรนด์นั้นๆ ก็คงไม่ต่างอะไรกับเปิดศูนย์ย่อยของเขา ซึ่งเราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราต้องการสร้างทางเลือกใหม่ให้กับคนฟังเพลง ธุรกิจของเราจึงเกิดขึ้น แต่มันยากที่จะทำให้คนรู้จักและมั่นใจในเรา ซึ่งเรารอเวลาสักระยะอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียก็เข้ามา นั่นจึงทำให้อะไรหลายอย่างที่เราคิดไว้ง่ายขึ้น Google กับ Facebook ช่วยเราไว้ได้มากให้เราผ่านจุดที่ยากตรงนั้นมาได้ แต่ใครจะรู้ว่ามันก็นำปัญหาต่อมาให้เราต้องแก้กันอีก
วิกฤตอีคอมเมิร์ซ
2 คูู่หูนักฟังเพลงเจ้าของร้านหูฟังระดับเทพนี้กล่าวต่อว่า ธุรกิจยุคก่อนต้องการความน่าเชื่อถือและความมั่นใจ แต่ปัจจุบันไม่ใช่คนเปลี่ยนไปแล้ว ผู้บริโภคยุคนี้ไม่สนใจความน่าเชื่อถือ พวกเขาขอแค่ได้เห็น ทำให้พวกเขารู้ว่ามีตัวตันเขาก็ยอมรับแล้ว นั่นจึงทำให้เราต้องทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการตลาดและโฆษณา ผ่าน Google และ Facebook ตอนใหม่ๆ เราใช้งบแค่หลักหมื่น แต่ปัจจุบันต้องใช้ถึง 4 แสนบาท/เดือน คนถึงจะเห็นและรับรู้ว่าเราเป็นใคร นี่คือปัญหาใหม่ของคนทำธุรกิจออนไลน์หรือขายของออนไลน์ในยุคนี้ ยิ่งทุ่มงบไปเท่าไหร่ประโยชน์ที่แท้จริงก้ไปตกอยู่กับ Google และ Facebook หมด
ตอนใหม่ๆ เราใช้งบแค่หลักหมื่น แต่ปัจจุบันต้องใช้ถึง 4 แสนบาท/เดือน คนถึงจะเห็นและรับรู้ว่าเราเป็นใคร
เมื่อระบบมาร์เก็ตเพลซเข้ามาทำลายผู้ค้ารายย่อย
ในวงการอีคอมเมิร์ซยุคปัจจุบัน เรามีตัวกลางการค้าอย่างระบบมาร์เก็ตเพลซต่างๆ เข้ามาช่วยให้ผู้ค้าออนไลน์สามารถจำหน่ายสินค้าของตนเองได้ง่ายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันระบบมาร์เก็ตเพลซก็ค่อยๆ กลืนกินผู้ค้าออนไลน์รายย่อยไปทีละเล็กละน้อยแบบที่พวกเขาก็ไม่รู้ตัว กมล พูนทรัพย์ และ อัฐพงษ์ เอี่ยมไพบูลย์ ได้ให้ความเห็นว่า
จริงอยู่ว่ามาร์เก็ตเพลซ ช่วยให้คนทำธุรกิจออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องมีเว็บไซต์ ไม่ต้องทำเพจอะไรก็สามารถมีช่องทางที่จะขายได้ แต่เอาเข้าใจแล้วการขายของออนไลน์ไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะอย่าลืมว่าไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่ขาย มีคนนับหมื่นนับแสนที่ขายของแบบเดียวกับคุณบนมาร์เก็ตเพลซ และ ยิ่งตอนนี้ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆก็ส่งสินค้าตนเองลงมาสู่มาร์เก็ตเพลซด้วย คุณยิ่งหมดหนทางแข่งขันลงไปอีก ดังนั้นมาร์เก็ตเพลซมันกระทบผู้ค้นออนไลน์ของไทยแน่นอน มันมี 2 ด้านให้มองเสมอ ในอนาคตข้างโลกของการขายของออนไลน์จะเหลือเพียงมาร์เก็ตเพลซรายใหญ่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น พวกเขาจะค่อยๆกินผู้ค้ารายเล็กไปทีละราย การซื้อของออนไลน์จะมาเป็นช่วงๆไม่ต่อเนื่อง คือ คนซื้อจะรอช่วงที่มาร์เก็ตเพลซเหล่านั้นจัดโปรโมชั่น
แข็งแกร่งอย่างไรก็สั่นคลอน
แม้มั่นคงแก็ดเจ็ทจะเป็นแบรนด์ร้านจำหน่ายหูฟังที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาเองก็ยังยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็ค่อนข้างแย่ไม่น้อย เพราะมาร์เก็ตเพลซรายใหญ่เริ่มเปิดเกมรุก ทำให้ยอดขายในปีล่าสุดนี้ไม่โตตามที่คาดหวัง นั่นส่งผลให้ร้านต้องยุบสาขาที่ประตูน้ำกับสยามลง จากเดิมที่เคยมี 7 สาขา ตอนนี้เหลือแค่ 5 สาขา แต่ในด้านลูกค้านั้นก็ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ และส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าประจำ แม้ว่ามาร์เก็ตเพลซหลายเจ้าจะพยายามดึงเอาสินค้าของมั่นคงแก็ดเจ็ทเข้าไปร่วมจัดจำหน่ายด้วย แต่ทางกมล พูนทรัพย์ และ อัฐพงษ์ เอี่ยมไพบูลย์ ขอยืนหยัดในจุดยืนไม่ร่วมทาง ด้วยเหตุผลที่ว่า
“ขอทำเองดีกว่า เรามั่นใจในช่องทางของตัวเอง แต่ถ้าขายของบนแพลตฟอร์ม คนจะไม่จำ แต่จะจำแพลตฟอร์ม แม้ซื้อของกับเรา กว่าจะสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง นาน จะไปฝากแบรนด์กับคนอื่นทำไม อนาคตแม้ไม่มีทางเลือก เราก็จะเลือกทำแบบนี้”
ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง
ก้าวต่อไปของมั่นคงแก็ดเจ็ทคือ การผลักดันช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น และจะมีการแตกไลน์สินค้าอื่นนอกจากหูฟัง โดยเฉพาะเกมมิ่งเกียร์ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด เพราะเป็นสินค้าที่จัดเข้ากลุ่มเดียวกันได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์นี้อยู่มาได้อย่างมั่นคงสมชื่อก็คือ การมีผู้เชี่ยวชาญด้านหูฟังให้การดูและแนะนำลูกค้า ตรงนี้เป็นจุดเด่นและเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ลูกค้ายังคงมั่นใจในแบรนด์นี้อยู่เสมอ