HIGHLIGHTS:

  • ชีวิตคนเรานั้นบางครั้งก็ต้องหลุดกรอบออกจากความเป็นเหตุและผลบ้าง เพราะการอยู่แต่ในกรอบของเหตุและผลอาจสร้างความกลัวให้กับจิตใตของเราจะไม่กล้าจะก้าวไปเจอสิ่งที่ดีกว่า
  • แท้ที่จริงแล้วเรื่องของธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องของความมีเหตุและผลเสมอไป สิ่งที่ไร้สาระไร้เหตุผลอาจมีมูลค่าทางธุรกิจที่สูงกว่าสิ่งที่อยู่ในกรอบของเหตุและผลก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจหรือจะเป็นการทำงานในเรื่องอื่นๆก็ตาม บางครั้งการมีเหตุผลก็อาจไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น ในทางกลับกันยิ่งมีเหตุผลมากอาจยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ การจะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่า บางครั้งก็ต้องตัดความมีเหตุผลออกไปจากหัวของเรา เพื่อให้สมองมีพื้นที่เพียงพอสำหรับ “จินตนาการ” และนั่นจะช่วยให้เราสรรค์สร้างสิ่งที่ดีที่สุดออกมาได้

 

เหตุผลไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ได้กับทุกสิ่งเสมอไป

     ในโลกของเรานั้นมีอะไรมากมายที่เกิดขึ้นมาจากความคิดที่ “ไร้เหตุผล” สัญลักษณ์ Apple ของบริษัท Apple สตีฟ จ็อบส์เองก็ได้มาจากความบังเอิญที่ได้ไปนั่งสมาธิในวัดเซน เห็นลูก Apple ในวัดจึงเก็บเอามาใช้เป็นโลโก้ของบริษัท งานศิลปะอันเป็นสุดยอดของโลกมากมายที่มีมูลค่าเกินหลักล้านก็ล้วนมาจากสิ่งที่ไม่มีเหตุผลทั้งสิ้น (ประมาณว่าข้าอยากจะวาด อยากจะปั้นแบบนี้ มีอะไรไหม?) คนเรามักรู้สึกกดดันที่ต้องทำอะไรให้สมเหตุสมผลในชีวิตและหน้าที่การงาน ยิ่งการทำธุรกิจด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ดูจะต้องมีเหตุมีผลมากที่สุดด้วย ใช่ ถูกต้องความมีเหตุมีผลจำเป็นต่อการทำธุรกิจ แต่อยากจะให้เข้าใจไว้ว่าการทำธุรกิจไม่ใช่ทุกเรื่องจะต้องมีเหตุมีผลเสมอไป อย่างการเริ่มต้นธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ถ้าจุดเริ่มต้นมากจากเหตุผลล่ะก็ โอกาสที่จะก้าวต่อไปเป็นไปได้ยากทีเดียว เพราะคนที่เริ่มต้นกับการทำธุรกิจจะมองเห็นแต่ปัญหา จะทำอะไร จะขายใคร จะทำอย่างไรให้ขายได้ หากใครที่ต้องการจะพัฒนาสินค้าใหม่ก็จะเริ่มกังวลกับตลาด กังวลกับต้นทุนที่จะต้องเสียไป แต่ถ้าเราตัดสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลทิ้งไป เราจะเหลือเพียง “ความคิดสร้างสรรค์” ความกลัวและกังวลต่างๆจะหายไป เราจะไม่สนใจว่าจะขายได้หรือไม่ ไม่กังวลว่าต้นทุนมันจะต้องใช่เท่าไหร่ และสิ่งนั้นจะเป็นที่ต้องการหรือไม่ แต่เราจะมุ่งมั่นทำสิ่งนั่น ๆ อย่างเดียวไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ซึ่งคุณจะเห็นว่าเราจำเป็นต้องปลดปล่อยความสมเหตุสมผลทิ้งไปซะในบางเรื่อง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตแบบสร้างสรรค์ เพลิดเพลินกับการทำบางอย่างด้วยใจรักที่จะทำ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือมีเหตุมีผลที่ควรต้องทำ จุดมุ่งหมายในการทำสิ่งนั้นๆก็คือความพึงพอใจที่เราจะได้รับเท่านั้น

 

เมื่อสิ่งที่เหนือจริง เกิดเป็นความจริงขึ้นมา

      ถ้าย้อนกลับไปสัก 10 ปี เราเชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีใครคิดว่าการเล่น “เกม” จะกลายเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เพราะการเล่นเกมเป็นอะไรที่ดูไร้สาระ ดูไม่มีแก่นสาร และดูเป็นอะไรที่ไม่น่าจะก่อเกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตเลย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกรอบความคิดของผู้คนเมื่อ 10 ปีก่อนที่อยู่ภายใต้หลักของเหตุผล แต่ในวันนี้ใครจะเชื่อว่าสิ่งที่คนมองว่าไร้สาระ ไร้เหตุผลอย่างการเล่น “เกม” จะกลายเป็นอาชีพทำเงิน เลี้ยงตัวเองกันได้จริงๆปัจจุบันนี้เรามีกีฬา E-Sport เกิดขึ้นและเป็นที่ยอมรับของเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลก ซึ่งคนที่อยู่ในสายกีฬา E-Sport นี้ เขาเล่นเกมกันเป็นอาชีพ เรียกว่ารายได้ดีกว่ามนุษย์เงินเดือนหลายๆคนเลยทีเดียว และหนึ่งในนั้นก็มีเด็กหนุ่มคนไทย “มิก-ปองภพ รัตนแสงโชติ” อยู่ในนั้นด้วย เด็กหนุ่มคนนี้เขาเป็นผู้เป็น “เกม” ให้กลายเป็น “เกมส์” เปลี่ยนการเล่นสนุกให้กลายเป็นกีฬา เป็นความชอบส่วนตัวให้เป็นรายได้เลี้ยงตัวเองโดยไม่มีใบปริญญาสักใบ เปลี่ยนสิ่งที่ไร้เหตุผลในวันนั้นกลายเป็นสิ่งที่มีเหตุและผลในวันนี้ “มิก-ปองภพ รัตนแสงโชติ” กลายเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ที่หัวใจรักเกมไปโดยปริยาย และกลายเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคนทุกคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

มิก-ปองภพ รัตนแสงโชติ นักกีฬา E-Sport ที่ประสบความสำเร็จของประเทศไทย

ความไม่มีเหตุผลแท้จริงก็มีเหตุผลซ่อนอยู่

     อังเดร เบรตอง หนึ่งในบรรดาศิลปินลัทธิเหนือความจริง (Surrealism)เขาได้สร้างเทคนิคที่เรียกว่า “Exquisite Corpse” ขึ้นมาเพื่อให้ความคิดหลุดพ้นจากการใช้เหตุผล และเชื่อมต่อกับสติปัญญาที่อยู่ในจิตใต้สำนึก เพราะเขาเชื่อว่า มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อรับรู้สิ่งที่มีเหตุมีผลอย่างเดียว สิงที่ไม่มีเหตุผลอย่างความฝัน และความหวังก็สามารถก่อเกิดพลังบางอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตได้เช่นกัน เขาจึงได้ออกแบบเทคนิค “Exquisite Corpse” ขึ้นมาโดยจะใช้คนกลุ่มหนึ่งเพื่อวาดภาพหนึ่งภาพขึ้นมา กล่าวคือ เมื่อคนแรกวาดภาพลงบนกระดาษเสร็จแล้วก็จะพับทบกันเพื่อซ่อนจากสายตาคน แล้วส่งให้คนต่อไปวาดภาพโดยที่คนนั้นไม่เห็นภาพแรก และทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคนกลุ่มนี้จะวาดต่อโดยที่ไม่รู้ทิศทางการวาดภาพของแต่ละคน พวกเขาเพียงแค่สเกตช์ภาพที่ตัวเองนึกถึงในจิตใต้สำนึก ซึ่งอาจดูไม่มีสาระ ไม่ฉลาดล้ำลึก หรือพิลึกพิลั่นอะไร แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนจะได้เห็นภาพพิสดารนี้ออกมาแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

 

     ศิลปินลัทธิเหนือความจริงมักแสวงหาสิ่งที่ดูไม่มีสาระและแปลกประหลาด เพราะมันสามารถปลดปล่อยความคิดคนเราออกจากตรรกะได้ ไอเดียและความคิดต่างๆจะลื่นไหลได้อย่างเสรี นี่จึงเป็นหนึ่งเทคนิคดีๆที่คุณสามารถนำไปใช้ประยุกต์กับการทำธุรกิจของคุณได้เช่นกัน แรงกดดันในความสมเหตุสมผลนั้นทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออกบางทีก็จำเป็นที่จะต้องทิ้งมันออกไปไกลๆบ้าง ลองเปลี่ยนความไม่มีเหตุผลให้กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ ๆในการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับตัวเองก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อยเลย

 

เครดิตภาพบางส่วนจาก: gmlive.com