หากกล่าวถึงโรคที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทุกคนจะกลัวและเป็นกังวลกันมาก “ไส้เลื่อน” ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย และแม้ว่าภาวะหรือโรคไส้เลื่อนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นหรือพบเห็นได้ทั่วไปบ่อยๆ แต่จากคำบอกเล่า คำเตือนของผู้ใหญ่ก็สร้างความหวาดหวั่นให้คนรุ่นต่อมากันไม่ได้ และในทางการแพทย์แล้วก็มีคำแนะนำมาเหมือนกันว่าไส้เลื่อนสามารถเกิดขึ้นได้จากอิริยาบถต่างๆในชีวิตประจำวัน อย่างการยกของหนัก การไออย่างรุนแรง หรือการจามก็สามารถทำให้เกิดไส้เลื่อนได้เหมือนกัน จะเป็นจริงดังนั้นไหม เรามาหาคำตอบกันในเรื่องราวครั้งนี้

รู้จักภาวะ “ไส้เลื่อน”

     ไส้เลื่อนเป็นภาวะที่ลำไส้ อาจจะเป็นได้ทั้งลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ อวัยวะภายในหรือเนื้อเยื่อบางส่วน เคลื่อนที่ไปอยู่ผิดที่ผิดตำแหน่งผ่านช่องทางที่ปกติหรือผนังรายรอบที่มีความผิดปกติ ซึ่งถ้าจะให้นึกภาพตามง่ายๆก็ให้นึกถึงยางรถยนต์ที่จะมีทั้งยางนอกและยางใน ถ้ายางนอกเกิดขาดเป็นรูใหญ่ ยางที่อยู่ด้านในที่สูบลมไว้แน่นก็จะโป่งและมีการยื่นออกมาตามรู ลักษณะของไส้เลื่อนก็เป็นเช่นนั้น เพราะอย่าลืมว่าร่างกายของเรานั้น มีโพรงหรือช่องมากมายเป็นที่อยู่ของอวัยวะต่างๆ ไส้เลื่อนอาจจะเกิดได้หลายบริเวณ อาจมีการเคลื่อนของลำไส้และอวัยวะภายในไปที่บริเวณ ขาหนีบ หรืออาจเลื่อนไปอยู่บริเวณถึงอัณฑะ บริเวณต้นขา สะดีือ แม้กระทั่งกระบังลมก็ได้ทั้งนั้น

ไส้เลื่อนมีกี่แบบ

ในทางการแพทย์แล้วจะแบ่งภาวะไส้เลื่อนออกเป็น 2 แบบคือ

1.ภาวะไส้เลื่อนที่สามารถดันลำไส้และอวัยวะที่เลื่อนออกมากลับเข้าไปยังช่องท้องได้

2.ภาวะไส้เลื่อนที่ไม่สามารถดันลำไส้และอวัยวะที่เลื่อนออกมากลับเข้าไปยังช่องท้องได้ มีการโป่งออกมามากจนมีการอุดตัน

สาเหตุที่ทำให้เกิดไส้เลื่อน

1.โครงสร้างภายนอกคือกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบ ๆผนังหน้าท้อง ไม่แข็งแรง ซึ่งอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือบางทีความแข็งแรงของผนังหน้าท้องลดลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น มีการผ่าตัด รวมถึงเรื่องของการสูบบุหรี่ก็มีผลเช่นกัน

2.มีแรงดันในช่องท้องสูงอาจเริ่มต้นจาก ผนังหน้าท้องบางส่วนบางลงจึงเกิดการโป่งออกเพราะแรงดันภายในร่างกาย อาจเกิดจากการเบ่งเกร็งในการยกของหนัก การไอและจามแรงๆ ซึ่งพฤติกรรมของร่างกายดังกล่าวจะสร้างแรงดันภายในที่สูงมากขึ้นมา จากนั้นแรงดันก็จะทำให้เยื่อบุภายในยื่นตามผนังที่โป่งออกมา อวัยวะภายในจึงสามารถเคลื่อนที่ออกมาตามถุงไส้เลื่อน

อาการของไส้เลื่อน

     โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นไส้เลื่อนมักไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองเป็นไส้เลื่อน เพียงแต่รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในช่องท้อง แต่อาจไม่แน่ใจว่าเป็นไส้เลื่อนหรือเปล่า บางคนอาจคิดว่าเป็นเนื้องอก เพราะคลำได้ก้อนที่ขาหนีบ หรือนูนออกมาจนเห็นได้ เพราะเกิดก้อนโป่งนูนใต้ผิวหนัง แต่ถ้าจะสังเกตก็ดูที่อาการ ผู้ที่เป็นไส้เลื่อนจะมีอาการปวดตื้อๆ หน่วงๆ เป็นๆ หายๆ บริเวณช่องท้อง เวลาออกแรงเกร็งเบ่งเวลายกของหนัก ก็จะปวดมากขึ้น เมื่อน้อนพักก้อนโป่งนูนใต้ผิวหนังก็สามารถยุบกลับเข้าไปได้เอง หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปไส้เลื่อนมักจะค่อย ๆ โตขึ้นต้องเข้าใจว่าไม่ใช่มีก้อนเนื้อโตขึ้น แต่มีการเลื่อนลงมาของลำไส้มากขึ้น ถ้าไม่รักษาในท้ายที่สุดอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติคล้ายที่กล่าวมาแต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า ควรไปปรึกษาคุณหมอ ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะว่าถ้าเป็นไส้เลื่อนการรักษาเร็วก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก

ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับไส้เลื่อน

     เคยมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนักว่าโรคไส้เลื่อนเป็นกันเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงไส้เลื่อนเกิดขึ้นได้ในคนทุกเพศและทุกวัย ไส้เลื่อนอาจเป็นโรคที่เป็นมาแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังก็ได้

ไส้เลื่อนรักษาได้อย่างไร

     ไส้เลื่อนรักษาได้โดยการผ่าตัดแก้ไขไส้เลื่อนให้กลับคืนสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดส่วนใหญ่ทำด้วยกล้องเป็นการผ่าตัดแผลเล็กเจ็บน้อยมาก ไม่ได้เปิดแผลใหญ่ จึงไม่อันตราย

การป้องกันภาวะไส้เลื่อน

  • จะยกของหนักก็ระวังให้มาก ยกให้ถูกท่า เพราะไม่เพียงอาจทำให้ไส้เลื่อนเคลื่อนไปอยู่ผิดที่เท่านั้น แต่อาจได้โรคปวดหลัง ปวดเอวเพิ่มมากอีกด้วย
  • หากสูบบุหรี่งดได้ก็ควรงดจะได้ไม่ไอหนัก หากมีอาการไอเรื้อรังก็ควรรีบแก้ไขให้ไอน้อยลง
  • พยายามควบคุมน้ำหนักอย่าให้อ้วนผนังหน้าท้องจะได้ไม่อ่อนแอ
  • ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เน้นพืชผัก อาหารกากใยสูง ดื่มน้ำมากๆ เพื่อลดอาการท้องผูก จะได้ไม่ต้องเบ่ง เพราะจะยิ่งทำให้เป็นมากขึ้น