หากกล่าวถึงกลุ่มบริษัทธุรกิจที่เริ่มต้นโดยชาวต่างชาติในประเทศไทย ที่มีความยิ่งใหญ่หยั่งรากลึกยาวนาน คงจะไม่มีใครเกิน “บี.กริม กรุ๊ป” (B.Grimm Group)บริษัทธุรกิจสัญชาติเยอรมันที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งประกอบธุรกิจหลากหลายด้านตั้งแต่ธุรกิจสุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจพลังงาน ปัจจุบันนี้ธุรกิจของบี.กริม กรุ๊ป ถูกส่งไม้ต่อไปยังทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว อะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจของพวกเขามีความยั่งยืนอยู่ได้ยาวนานขนาดนี้

ย้อนรอยบี.กริม กรุ๊ป

ผู้บริหารบี.กริม กรุ๊ปในปัจจุบันก็คือ “ฮาราลด์ ลิงค์” ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม ฮาราลด์ ลิงค์นั้นเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล “ลิงค์” ที่ได้เข้ามาสานต่ออาณาจักรธุรกิจของบี.กริม กรุ๊ป แต่ก่อนที่บี.กริม จะถูกส่งมาถึงตระกูล “ลิงค์” นั้น แต่ดั่งเดิมผู้เริ่มต้นบี.กริมจริงๆคือ สองเพื่อนซี้ แบร์นฮาร์ด กริม เภสัชกรวิศวกรเยอรมัน และแอร์วิน มุลเลอร์ หุ้นส่วนชาวออสเตรีย สองคนนี้ได้เดินทางมาในประเทศไทยและเริ่มต้นธุรกิจของตนเองในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2421โดยธุรกิจที่ทำก็คือ ทำห้างจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ขึ้นที่ถนนโอเรียนเต็ล หรือเรียกง่ายๆว่า เปิดห้างขายยา ซึ่งห้างนี้ชื่อว่าสยามดิสเป็นซารี่ นับเป็นห้างขายอย่างแพทย์ปัจจุบันแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งทั้งแบร์นฮาร์ด กริมและ แอร์วิน มุลเลอร์ ต่างมีความรู้ความสามารถในเรื่องยารักาาดรคและการทำธุรกิจชื่อเสียงของทั้งคู่จึงขจรขจาย จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เภสัชกรหลวงแห่งราชสำนักไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

CV เมื่อกิจการไปได้ด้วยดี การบริหารจัดการเพียงสองคนก็คงไม่ทั่วถึง คนทั้งสองจึงต้องมีการจ้างพนักงานมาช่วยดูแล และหนึ่งในนั้นก็คือ อดอล์ฟ ลิงค์(ปู่ของฮาราลด์ ลิงค์) ซึ่งแบร์นฮาร์ด กริมและ แอร์วิน มุลเลอร์ได้ว่าจ้างให้เข้ามาช่วยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการห้างขายยา กิจการเดินหน้าไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง อดอล์ฟ ลิงค์จึงขยับจากผู้จัดการร้านขึ้นมาเป็นหุ้นส่วน อดอล์ฟ ลิงค์มีบทบาทต่อธุรกิจนี้ไม่น้อย จนธุรกิจขยายใหญ่และเติบโต เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง พ.ศ.2459 แบร์นฮาร์ด กริมและ แอร์วิน มุลเลอร์ก็ขอเกษียณวางมือจากกิจการ อดอล์ฟ ลิงค์ จึงขอซื้อหุ้นทั้งหมดและบริหารเองนับมาตั้งแต่นั้น นับเป็นก้าวแรกของบี.กริม ในน้ำมือของตระกูลลิงค์

เคล็ดลับความยั่งยืนในการทำธุรกิจของ บี.กริม กรุ๊ป

 ทำธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

นี่คือเคล็ดลับสำคัญ หรือจะเรียกว่าเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารบี.กริม กรุ๊ป ตระกูลลิงค์ทั้ง 3 รุ่น ฮาราลด์ ลิงค์ CEOคนปัจจุบันในวัย 63 ปี จากมีพนักงาน 500 คนตอนเริ่มต้นเข้ามาดูแลธุรกิจ วันนี้เขามีพนักงาน เพิ่มเป็น 1,531 คน สามารถเพิ่มยอดขายให้บริษัทจาก 500 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท ภายในเวลา 40 ปีของการเข้ามาดูแลธุรกิจ ที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะเขายึดถือหลักในการดำเนินธุรกิจตามปณิธานดังกล่าวมาโดยตลอด ฮาราลด์ ลิงค์ได้กล่าวว่า

“คนเราทุกคนเกิดมาล้วนส่งผลกระทบกับโลกใบนี้กันทั้งนั้น ทั้งด้านที่ดีและไม่ดี เมื่อเราต่างก็มีส่วนในการทำลายโลกด้วยกันทั้งนั้น การทำธุรกิจของเราจึงต้องตั้งใจที่จะตอบแทนสิ่งที่โลกและธรรมชาติได้มอบให้เรามาด้วย พยายามเป็นหนึ่งเดียวกับโลก ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หากโลกอยู่ไม่ได้ มนุษยก็ตาย ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้น การทำธุรกิจต้องอยู่บนพื้นฐาน ตอบโจทย์ชีวิต ตอบโจทย์สังคม และตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม”

สิ่งที่บี.กริม กรุ๊ปมอบให้สังคม

สิ่งที่คุณฮาราลด์ ลิงค์ได้กล่าวมาข้างต้นไม่ใช่เพียงแค่หลักการ หรือคำพูดทฤษฎีที่สวยหรู แต่ทุกสิ่งที่เขาพูด เขาได้ทำให้เกิดขึ้นจริงแล้วทั้งสิ้น ปัจจุบันธุรกิจของบี.กริม กรุ๊ป ตอบโจทย์ทุกด้านจริงๆ ด้านชีวิตของผู้คนบี.กริม กรุ๊ปมีธุรกิจอุตสาหกรรมด้านสุขภาพจัดหาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ป้อนตลาด มีธุรกิจภายใต้แบรนด์ดังอย่าง LBG ทั้งร้านอาหารและสินค้าแบรนด์เนมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คน มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์สังคม ทำงานการกุศลในฐานะผู้อุปถัมภ์ อาทิ งานการศึกษา โดยเฉพาะงานดนตรีคลาสสิก ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิดุริยางค์ซิมโฟนี กรุงเทพ ยอมลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างหอแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรม(Music Hall) แห่งใหม่ใจกลางกรุง บนถนนวิทยุ ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ มีธุรกิจกลุ่มพลังงานการสร้างโรงไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสังคมและเรื่องสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ยืนยันปณิธานในการทำงานที่จริงจังและจริงใจของ บี.กริม กรุ๊ป และนับเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้การทำธุรกิจมีความยั่งยืน ซึ่ง SME สามารถนำเคล็ดลับแนวทางเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนได้

 

ขอบคุณรูปภาพจาก : B.Grimm