สำหรับมือใหม่ในการขายของออนไลน์ คงมีคำถามและข้อสงสัยในการตั้งราคาขายสินค้า แม้จะรู้ว่าต้นทุนสินค้าเป็นอย่างไร รับมาทำไหร่ หรือต้นทุนการผลิตเท่าไหร่ก็ตาม แต่กระบวนการที่จะมาทำการตั้งราคาขายนั้นไม่ได้ง่ายนัก เพราะหากตั้งราคาสินค้าถูกไปก็ไม่ดี แพงไปก็ไม่มีคนซื้อขายยาก เราจึงมีคำแนะนำในการตั้งราคาขายสินค้าผ่านทางออนไลน์มาบอกกัน

1.ราคาขายจะต้องตั้งให้แตกต่างไปเลย

     หลักเบื้องต้นในการตั้งราคาขายสินค้าสำหรับการขายของออนไลน์ ให้เน้นย้ำว่าตั้งให้แตกต่าง สะดุดตาไปเลย เช่น สูงกว่า หรือต่ำกว่าคู่แข่ง ไม่แนะนำให้ตั้งราคาปานกลางหรือเท่ากัน เพราะว่าจะหาจุดแข่งขันไม่ได้เลย ซึ่งจะทำให้เราบอกได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจน เช่นราคาแพงกว่าเพราะว่าคุณภาพสินค้า ซึ่งเรากล้าท้าพิสูจน์ว่าสินค้าดีจริงมากกว่าเจ้าอื่น พร้อมมีรีวิวรับรองคุณภาพให้ผู้ที่สนใจดู ถ้าตั้งราคาต่ำกว่า เราสามารถแจ้งได้เช่นกันว่าเราเป็นผู้ผลิตเอง มีโรงงานผลิตควบคุมคุณภาพทำให้สามารถตั้งราคาได้ต่ำกว่าคู่แข่งที่เป็นเพียงแค่คนกลางในการขายของ แต่เราเป็นราคาส่งจากโรงงาน

2.การตั้งราคาควรจะแบ่งแยกเกรด

      หลักต่อมาในการตั้งราคาขายสินค้าสำหรับการขายของออนไลน์ก็คือ คุณควรพิจารณาตั้งราคาสินค้าจากการที่คุณแบ่งเกรดสินค้าออกมาแล้ว ทั้งเรื่องของแบรนด์และประเภทสินค้า สมมติว่าเรามีสินค้าชิ้นที่หนึ่งที่ผลิตเองหรือสั่งนำเข้ามา สิ่งที่ควรทำก็คือให้ลองแบ่งแยกสินค้านี้เป็น 2 เกรด ให้เกิดทางเลือกกับลูกค้าที่มีกำลังซื้อใน 2 ระดับ เช่น ถ้าขายแว่นตาอาจจะมีสินค้าแว่นตาระดับพรีเมียมราคาแพง กับแว่นตาระดับกลางราคากลางๆ ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าที่คล้ายกัน แต่มีความแตกต่างเรื่องคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งจะทำให้เราตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ทั้งสองระดับในกลุ่มสินค้าเดียวกัน เพราะบางครั้งเราจะเจอกับคำถามในสินค้านั้นว่าลดราคาลงได้ไหม ไม่มีสินค้าแบบนี้ที่ราคาถูกกว่านี้เหรอ อะไรประมาณนี้

3.การตั้งราคาไว้สำหรับการทำตลาดออนไลน์

     ความหมายคือ สินค้านั้นควรจะมีการตั้งราคาไว้ 5 ระดับ เพราะว่าจะได้สามารถวางแผนเอาไว้ทำโปรโมชั่นได้ทุกส่วนของการทำการตลาดออนไลน์ เริ่มต้นเราอาจจะขายของออนไลน์เพียงแค่ซื้อมาขายไป กำไรส่วนต่าง 1 เท่าตัว แต่ถ้าหากว่าสินค้าที่เราทำอยู่สามารถเปิดช่องทางการตลาดไปได้ไกลกว่านี้ เช่น มีตัวแทนจำหน่ายขึ้นมา ต้องการนำสินค้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า หรือช่องทาง Offline ต่างๆ และเราไม่ได้คำนึงถึงช่วงระดับราคาที่แตกต่างกันสำหรับช่องทางจำหน่ายต่างๆแล้ว เราจะมาปรับราคาทีหลังคงจะเป็นเรื่องยากมากในการขึ้นราคาขาย หรือจะบีบทำราคาส่งอย่างไรก็จะไม่คุ้มทั้งคนรับไปจำหน่ายหรือขายในช่องทางอื่น ยกตัวอย่าง เช่น สินค้าราคาขายปลีก  1,290 บาท ควรตั้งราคา 5 ระดับ ดังนี้

  • Retail ปลีก 1,290 บาท
  • Dealer ส่งตัวแทนรายย่อย 900 บาท (ขั้นต่ำ 100 ชิ้น)
  • Master Dealer ส่งตัวแทนรายใหญ่ 700 บาท (ขั้นต่ำ 500 ชิ้น)
  • DC ศูนย์กระจายสินค้ารายใหญ่ตามภูมิภาค 550 บาท (ขั้นต่ำ 3,000 ชิ้น)
  • DC Licence ต่างประเทส 450 บาท (ขั้นต่ำ 5,000 ชิ้น)

     ทั้งนี้อาจจะปรับจำนวนรับ Order  ขั้นต่ำตามความเหมาะสม แต่ถ้าหากเราไม่ได้วางแผนการตั้งราคาไว้ก่อน เราอาจจะไม่สามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้อีกเลย ลองนำหลักการนี้ไปพิจารณาการตั้งราคาสินค้าสำหรับการขายของออนไลน์ของคุณดูนะ และก็ปรับใช้ให้เหมาะสม