Brand Storytelling | Onitsuka Tiger
ปี 2019 นี้ เป็นปีครบรอบ 70 ปีของแบรนด์รองเท้าผ้าใบตำนานเสือแห่งญี่ปุ่นอย่าง Onitsuka Tiger แบรนด์ที่สาวกรองเท้า Sneakers ยกย่องว่าน่าสนใจที่สุดในยุคนี้ เราจึงได้รับโอกาสในการมาเป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราว Brand Storytelling ของแบรนด์รองเท้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแบรนด์นี้ ไปรับทราบตำนานความเป็นมาของแบรนด์รองเท้าผ้าใบที่สร้างเทรนด์ฮิตไปทั่วโลกแบรนด์นี้พร้อมๆกัน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งประเทศที่ได้รับบาดเจ็บหนักมากทั้ง สภาพบ้านเมือง จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามและผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามจำนวนมากก็คือ ญี่ปุ่น ความบอบช้ำเหล่านั้น ทำให้ชายคนหนึ่งเกิดแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างที่จะลุกขึ้นมา ทำบางสิ่งเพื่อปลดเปลื้องความระทมทุกข์ของคนญี่ปุ่นจากพิษภัยสงคราม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Onitsuka Tiger
Onitsuka Tiger คือ การส่งมอบมรดกทางวัฒนธรรมและความประณีตในงานฝีมือของชาวญี่ปุ่นผ่านรองเท้าให้ทุกคนสวมใส่ จนกลายเป็นรองเท้าผ้าใบที่ดีที่สุดสำหรับคนที่หลงรักรองเท้าแบบ Sneakers ทั่วโลก
บิดาแห่งสุดยอดรองเท้ากีฬาของญี่ปุ่น
Onitsuka Tiger รองเท้าสายเลือดเลือดญี่ปุ่น ถือกำเนิดขึ้นมาโดย คิชาชิโร โอนิซึกะ (Kihachiro Onitsuka) ชายผู้ซึ่งต้องการนำกีฬามาเป็นเครื่องมือฟื้นฟูสภาพจิตใจของคนญี่ปุ่นที่ต้องบาดเจ็บกับสงคราม ซึ่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1945 หลังจากนั้น 3 ปีถัดมา คิชาชิโร โอนิซึกะ ก็ได้เริ่มลงมือผลิตรองเท้า ในช่วงเริ่มแรกเอาได้ทดลองผลิตรองเท้าผ้าใบสำหรับให้นักเรียนใส่ก่อน เพราะเขามองว่าเยาวชนของชาติมีความสำคัญ เป็นกลุ่มคนที่จะช่วยฟื้นฟูประเทศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เขาจึงอยากจะเริ่มต้นจากจุดนี้ เด็กๆควรจะมีรองเท้าผ้าใบดีๆใส่ไปโรงเรียน
ฤกษ์เปิดตัว Onitsuka Tiger รองเท้าผ้าใบกีฬาพันธุ์เสือ
ต่อมาเมื่อเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาสามารถที่จะผลิตรองเท้าผ้าใบดีๆให้กับคนญี่ปุ่นได้ เขาจึงเริ่มทดลองผลิตรองเท้าผ้าใบกีฬา และเขาเลือกที่จะประเดิมด้วยรองเท้ากีฬา “บาสเกตบอล” เพราะในช่วงนั้น รองเท้าบาสเกตบอลถือว่าเป็นรองเท้าที่ผลิตยากที่สุด ซึ่ง โอนิซึกะมองว่าหากสามารถผลิตรองเท้าบาสเกตบอลได้ รองเท้ากีฬาอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกแล้ว ค.ศ.1950 สินค้าชิ้นแรกของ Onitsuka Tiger ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว เป็นรองเท้าบาสเกตบอล ที่ด้านของรองเท้าได้มีการปักผ้าเป็นรูปหน้าเสือเข้าไปด้วย และรูปหน้าเสือนี้ก็ได้กลายเป็นเป็น Logo เวอร์ชั่นแรกของ Onitsuka Tiger ไปโดยปริยาย รองเท้าบาสเกตบอลมี Logo หน้าเสือต้นแบบได้ถูกส่งไปให้นักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมโกเบ ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นโรงเรียนมัธยมที่รวมนักกีฬาบาสเกตบอลระดับประเทศไว้มากที่สุด และก็ได้รับการตอบรับที่ดี
แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นก้าวแรกของ Onitsuka Tiger เท่านั้น คิชาชิโร โอนิซึกะได้เฝ้าสังเกตการใช้งานจริงของนักบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมโกเบ และพยายามหาจุดบกพร่องของรองเท้าต้นแบบจากนั้นก็นำมาปรับปรุง
กระโจนดั่งเสือ แต่ทรงตัวได้หนึบราวหนวดปลาหมึก
คิชาชิโร โอนิซึกะ คือคนที่มี Passion อย่างแรงกล้าในเรื่องของรองเท้าผ้าใบ เขาไม่เคยที่จะหยุดพัฒนา Onitsuka Tiger เลย ในเย็นวันหนึ่งของปี ค.ศ. 1953 ขณที่เขานั่งกินมือเย็น อันมีสลัดปลาหมึกเป็นเมนูเด็ดในมื้อนั้นอยู่ อยู่ๆเขาก็บังเอิญไปสังเกตเห็นปลาหมึกที่อยู่ในชามว่า หนวดของมันที่เต็มไปด้วยความตะปุ่มตะป่ำนั้นไปเกาะติดหนึบอยู่กับชามสลัดอย่างแน่นทีเดียว กว่าจะคีบออกมากินได้ก็ต้องออกแรงมือกันไม่น้อย และนั่นทำให้เขาเกิดไอเดียบรรเจิดในการพัฒนารองเท้าผ้าใบ Onitsuka Tiger เวอร์ชั่นถัดไปทันที
เขาพัฒนารองเท้า Onitsuka Tiger รุ่นถัดมาโดยการเพิ่มปุ่มที่มีลักษณะคล้ายๆหนวดปลาหมึกไปที่พื้นรองเท้า ซึ่งก็ออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะด้วยความประชับเท้าทำให้ผู้สวมใส่สามารถกระโจนทะยานออกตัวได้คล่องแคล่วว่องไวดุดันดั่งเสือ เวลาหยุดเคลื่อนที่แบบฉับพลันก็หนึบติดพื้นได้ดีดั่งหนวดปลาหมึก แต่ถึงแม้จะเป็นผลงานที่ดี แต่โอนิซึกะก็ยังสังเกตเห็นข้อบกพร่องอยู่ว่า รองเท้าผ้าใบกีฬารุ่นนี้ยังไม่ได้เหมาะกับนักกีฬาทุกคน เพราะมีบางคนใส่แล้วเล่นไม่ค่อยออก เขาจึงรีบกลับไปหาวิธีแก้ไข 6 เดือนถัดมาเขาก็พัฒนาออกมาได้สมบูรณ์แบบ และได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดีอีกด้วย
Onitsuka Tiger Stripes ลายเสืออันเป็นตำนาน
การพัฒนารองเท้าผ้าใบของ โอนิซึกะ ดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง จากรองเท้าผ้าใบสำหรับกีฬาบาสเกตบอล เขาก็ได้ขยายไปสู่รองเท้าผ้าใบสำหรับกีฬาอื่นๆอีกมากมาย แต่มีรุ่นหนึ่งที่เรียกว่าเป็นตำนานที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับแบรนด์ Onitsuka Tiger เลยก็คือ “Mexico66” ย้อนกลับไปในปี 1965 โอนิซึกะ รู้ว่าญี่ปุ่นจะเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศเม็กซิโก ปี 1968 ด้วย เขาจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลิตรองเท้ารุ่นพิเศษขึ้นมาสักหนึ่งรุ่นเพื่องานนี้ เขาจึงระดมกำลังสมองจากทีมงานและในที่สุด พวกเขาก็ได้รับแรงบันดาลใจจากเกลียวคลื่นของทะเลที่เมืองท่าของญี่ปุ่นอย่างเมืองโกเบ จนได้ลวดลายพิเศษที่พวกเขาเรียกอย่างภาคภูมิใจว่า “Onitsuka Tiger Stripes” มาประดับในรองเท้ารุ่นMexico66 และเพราะว่ารองเท้ารุ่นนี้ได้ถูกผลิตขึ้นในปี 1966 และต้องการให้นักกีฬาของญี่ปุ่นในหลายๆชนิดกีฬาได้สวมใส่ลงแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศเม็กซิโกในปี 1968 พวกเขาจึงนำภารกิจในการสร้างมาผสานกับปีที่ผลิตจนกลายเป็นชื่อรุ่น Mexico66 นั่นเอง
ลวดลาย Onitsuka Tiger Stripes ได้กลายเป็นลวดลายรองเท้าที่มีใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เรียกในนามใหม่ว่า Asics Tiger Stripes
Onitsuka Tiger ไม่ได้เป็นแค่รองเท้าผ้าใบกีฬา
จุดเริ่มต้นของ รองเท้าพันธุ์เสือนี้แม้จะดูมีความเป็นรองเท้าผ้าใบกีฬามาตั้งแต่ต้น แต่ด้วยเพราะเสือตัวนี้ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง จึงมีการพัฒนาจากหนึ่งแบรนด์ ให้กลายเป็น 3 แบรนด์ ซึ่งปัจจุบัน Onitsuka Tiger มี Major Brand ในเครือเป็น 3 แบรนด์หลัก คือ
1.Onitsuka Tiger
2.Asics
3.Asics Tiger
ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์ก็มีการวาง Positioning ในการทำการตลาดแตกต่างกันออกไป แต่โดยภาพรวมแล้ว Onitsuka Tiger ไม่ได้เป็นแค่รองเท้าผ้าใบกีฬา แต่กลายเป็นรองเท้าเพื่อ Lifestyle ของคนยุคใหม่ เป็นรองเท้าสไตล์ Sneakers ที่จะหยิบเอาไปใส่เล่นกีฬา ใส่เดินห้าง ใส่เดินเที่ยวชิลๆใส่เดินรับลม และอื่นๆตามแต่สไตล์ที่เป็นคุณได้ทั้งหมด นี่คือ เรื่องราวส่วนหนึ่งที่เราอยาก Storytelling ให้คุณทราบของแบรนด์รองเท้า Japanese สไตล์ที่ใส่แล้วได้มากกว่าความเท่ มีดีมากกว่าความเก๋ เพราะสามารถทำให้ผู้สวมใส่สนุกได้กับการเคลื่อนไหวในทุกอิริยาบถของชีวิต เราขอสดุดี 70 ปีของตำนานรองเท้าพันธ์ุเสือนี้ด้วยบทความ Brand Storytelling บทนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขา
