Brand Storytelling | YANMAR

บุคลิกที่แท้จริงของแบรนด์ยันม่าร์ คือ ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และชอบความท้าทาย เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากแบรนด์นี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะต้องการตอบสนองความท้าทายใหม่ของมนุษย์ในศควรรษนี้ทั้งเรื่องของ อาหาร พลังงานและสิ่งแวดล้อม

ชื่อของแบรนด์ “ยันม่าร์” จากญี่ปุ่นน่าจะคุ้นหูคนไทยในแง่ของแบรนด์ชั้นนำในเรื่องของเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถไถทางการเกษตร แต่ใครจะรู้บ้างว่าแท้ที่จริงแบรนด์นี้หัวใจเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องอุตสาหกรรม แต่อยู่ที่ความ “ออร์แกนิค” ซึ่งดูค่อนข้างขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนั้นแล้วแบรนด์ยันม่าร์ ยังมีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์อีกหลายอย่าง ซึ่งเราจะมา Storytelling ให้คุณได้อ่านได้รับรู้กัน

บริษัทแรกของโลกกับความสำเร็จด้านนวัตกรรมเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก

คนญี่ปุ่นเวลาเขาจะสร้างสรรค์อะไรสักอย่าง จุดเริ่มต้นของพวกเขามักเกิดขึ้นจากตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหาบางประการที่เกิดขึ้นกับคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก่อน บริษัทยันม่าร์เองก็เช่นกัน เริ่มต้นขึ้นจากความตั้งใจของมร.มาโกกิชิ ยามาโอกะ ที่มองเห็นปัญหาว่าคนญี่ปุ่นต้องทำงานหนัก ทั้งในเรื่องเกษตร ทั้งในเรื่องอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ในขณะที่ปัญหาด้านประชากรญี่ปุ่นก็น้อย แต่ต้องใช้แรงงานกันมากแบบนี้จึงทำให้ คนญี่ปุ่นในวัยทำงานต้องทำงานหนัก เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ แม้จะมีเครื่องจักรเครื่องยนต์แต่ประสิทธิภาพก็ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วไป จะมีแต่โรงงานใหญ่ๆเท่านั้นที่จะมีเครื่องยนต์ดีๆเอาไว้ใช้ มร.มาโกกิชิ ยามาโอกะจึงตัดสินใจตั้งบริษัทยันม่าร์ขึ้นมาในปี พ.ศ.2455 เพื่อให้เป็นบริษัทผู้พัฒนาเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ สำหรับการทำเกษตร งานก่อสร้าง รวมถึงเป็นแหล่งก่อกำเนิดพลังงาน

ความตั้งใจจริงๆของมร.มาโกกิชิ ยามาโอกะก็คือ เขาต้องการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ที่เล็กแต่ตัวแต่กำลังแรงม้าต้องมีมาก และราคาขายก็ต้องถูกด้วย ความย้อนแย้งแบบนี้แม้จะดีแต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ มร.มาโกกิชิ ยามาโอกะ ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา แต่เขากลับมองว่าคือ “ความท้าทาย” หากเขาทำได้สำเร็จ นี่จะเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกไปอีกขั้น 21 ปีเต็มๆที่เขาสละเวลา และอุทิศแบบทุกอย่างในชีวิตให้กับเรื่องนี้ และในที่สุดเขาก็นำพายันม่าร์ไปค้นพบความสำเร็จในนวัตกรรม เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ที่ให้แรงม้าสูงและราคาไม่แพงได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งนับว่ายันม่าร์เป็นบริษัทแรกของโลกที่พัฒนาสิ่งนี้ขึ้นมาได้สำเร็จจนกลายเป็นต้นแบบของเครื่องยนต์ขนาดเล็กกำลังสูงอื่นๆที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

ขุมพลังที่เป็นเบื้องหลังพัฒนาเศรษฐกิจของโลก

ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของโลกในยุคนี้ ถูกมองภาพผ่านเทคโนโลยี ประเทศไหนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงก็จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า มีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างไหลลื่น อีกตัวชี้วัดที่เรามิอาจมองข้ามได้ก็คือ การพัฒนาในด้านของอุตสาหกรรม เศรษฐกิจของโลกในวันนี้ถูกขับเคลื่อนในลักษณะของอุตสาหกรรมทั้งหมด ต้องผลิตให้มากพอที่จะรองรับความต้องการ และเบื้องหลังของอุตสาหกรรมเกษตร การผลิตอาหาร การประมง การก่อสร้าง และการผลิตพลังงานในกับอุตสาหกรรมเหล่านั้น ก็คือ ยันม่าร์ แบรนด์ที่สรรสร้างนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมแบบครบวงจร นี่คือขุมพลังที่เป็นเบื้องหลังสำคัญที่ทำให้ระบบอุตสาหกรรมของโลกขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัญหาของโลกคือความท้าทายใหม่ของยันม่าร์

จาก brand story ที่กล่าวมาข้างต้น เราจะสัมผัสกันได้ว่า ยันม่าร์ดูมีความข้องเกี่ยวกับเครื่องจักรและระบบอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ในอีกมิติหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ก็คือ ยันม่าร์แบ่งโครงสร้างธุรกิจของแบรนด์ออกเป็น 3 ด้าน คือ

  • ภาคพื้นดิน(Land)
  • ภาคทางทะเล(Sea)
  • ภาคเมืองใหญ่(City)

ซึ่งการแบ่งโครงสร้างทางธุรกิจออกเป็น 3 ด้านแบบนี้ก็มาจาก วิสัยทัศน์ของ CEO องค์กรที่มองเห็นว่า โลกในยุคปัจจุบันและในอนาคตกำลังจะเดินไปทางไหน และกำลังจะเผชิญกับปัญหาใด จากการเฝ้ามองและการศึกษาวิจัยทำให้แบรนด์ ยันม่าร์ตระหนักว่า โลกในวันนี้กำลังเผชิญปัญหาเหมือนๆกัน 3 อย่างนั่นคือ

  • อาหาร
  • พลังงาน
  • สิ่งแวดล้อม

แบรนด์ยันม่าร์ ในฐานะบริษัทธุรกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลก จะทำอะไรได้บ้างกับปัญหาเหล่านี้

ร้านอาหารออร์แกนิคชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่

“A Sustainable Future” หากนิยามในภาษาไทย ก็คงจะแปลได้ว่าอนาคตที่ยั่งยืน นี่คือวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจในวันนี้ของ ยันม่าร์ ซึ่งพวกเขาพร้อมจะช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นจริง เพราะพวกเขาได้มองสิ่งที่จะเป็นไปบนโลกก้าวถึง 100 ข้างหน้าแล้ว สิ่งที่เป็นเป้าหมายของยันม่าร์ก็คือ การสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมต่างๆและนั่นคือสิ่งที่จะทำให้เรื่องของความยั่งยืนเป็นรูปธรรมจริงขึ้นมา สิ่งนี้ยังม่าร์ไม่คิดอย่างเดียว แต่ลงมือทำให้เห็น โดยพวกเขาได้เริ่มต้นจากการสร้างร้านอาหารออร์แกนิคที่ชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่ของยันม่าร์ที่เมืองโอซาก้า อาหารออร์แกนิคที่อยู่ภายในร้านนั้น บางส่วนเป็นผลลิตผลจากฟาร์มเกษตรที่ได้ใช้เครื่องจักรกลต่างๆของยันม่าร์ในการทำนั่นเอง

Premium Marche-yanmar
Credit Picture : premiummarche.com

จุดนี้จึงกลายเป็นไฮไลท์สำคัญ และกลายเป็นจุดรับแขกของบริษัทยันม่าร์ ความอลังการที่ใครได้ไปเยือนจุดนี้ก็คือ ผึ่งจำนวนกว่า 20,000 ตัว ที่เลี้ยงกันกลางแจ้งบนตึกของยันม่าร์ ทางบริษัทจะเก็บผลผลิตน้ำผึ้งจากผึ้งที่เลี้ยงไว้นี้มาจำหน่ายในร้านปีละ 2 ครั้ง ที่พวกเขาเลือกที่จะเลี้ยงผึ้งบนตึกนั้น เพราะพวกเขารู้ว่าผึ้งเป็นแมลงที่มีความสำคัญมากต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม หน้าที่หนึ่งของผึ้งก็คือ การปรับสมดุลให้กับธรรมชาติ ผึ้งมีส่วนช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ช่วยให้พันธ์ุไม้ต่างๆขยายพันธุ์ออกไป และนั่นจะนำมาซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งธรรมชาติ อาหาร และสิ่งแวดล้อม จุดนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของโลกใบเล็กๆธรรมชาติที่แสนจะสมดุลเริ่มต้นได้จากพื้นที่เล็กๆนี้

จากเรื่องราวที่เรานำมา Storytelling ทั้งหมดนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของ “ยันม่าร์” brand story ของพวกเขามีจุดเริ่มต้นอาจจะดูธรรมดา แต่ความคิดวิสัยทัศน์ของพวกเขากลับล้ำค่า ล้ำหน้าและดูยิ่งใหญ่จริง ๆ นี่คือต้นแบบขององค์กรธุรกิจที่คิดทุกสิ่งมาเพื่อมนุษย์และโลกใบนี้ตัวจริงเสียงจริงแท้ๆเลยทีเดียว


ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก : www.yanmar.com, www.premiummarche.com