ใครที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ตามที่คุณตั้งใจก็คือ คุณจะต้องรู้ก่อนว่า ลูกค้าของคุณคือใคร และคุณจะเจอลูกค้าของคุณได้จากที่ไหน และการจะพบเจอกับลูกค้าได้ในโลกธุรกิจและตลาดที่กว้างใหญ่แบบนี้ คุณจำเป็นที่จะต้องมีจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ที่แตกต่าง อันจะเป็นจุดสังเกตที่ทำให้ผู้บริโภคที่ผ่านไปมาไม่ว่าจะทางออฟไลน์หรือออนไลน์ก็ตามพบเจอคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น และสิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่างไม่เหมือนใครนั้นก็คือ การสร้าง Story ให้กับธุรกิจของคุณ
เพราะทุกธุรกิจมีเรื่องเล่าเสมอ
คุณรู้ไหมว่าวันนี้พวกเราซื้อของไม่ได้เพราะต้องการของนั้น 100% อย่างเราซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงไม่ใช่เพราะครบเครื่อง แต่เราซื้อเพราะกล้องชัดถ่ายภาพสวย หรือ แบตเตอรี่อึด คุณว่าไหม เพราะโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่วันนี้มีฟีเจอร์เพียบไปหมด ซึ่งเอาเข้าจริงเราใช้กันไม่ครบทุกฟีเจอร์เลย อย่างเราซื้อผงซักฟอกไม่ได้ซื้อเพราะดี แต่เราซื้อเพราะยี่ห้อนั้นทำให้เสื้อขาวได้จริง ดังนั้น เราไม่ได้ตัดสินใจซื้อสิ่งใด เพราะต้องการของสิ่งนั้นแบบเต็มที่เสมอ เราล้วนต้องการสิ่งนั้นๆมาสนองตอบความต้องการอะไรบางอย่าง และมีไม่น้อยที่เราควักกระเป๋าซื้อ เพราะสินค้ามีเรื่องราว แบรนด์ธุรกิจบางแบรนด์มี brand Story ที่น่าสนใจ มีการสร้าง Story ให้กับสินค้า ทำให้แบรนด์และสินค้ามีเรื่องราวที่น่าสนใจน่าจดจำ จนบางครั้งเราเองก็อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้นโดยไม่รู้ตัว เพราะธุรกิจมักมีเรื่องเล่า และเรื่องราวเล็กน้อยๆเสมอ หากคุณรู้จักที่จะสร้าง Story ให้กับธุรกิจคุณ ก็จะทำให้ธุรกิจคุณมีจุดเด่นและจุดสนใจ ทำให้ลูกค้าเจอคุณ และคุณเจอลูกค้าได้ไม่ยาก
สร้าง Story ให้กับผลิตภัณฑ์และลองแจกมันแบบฟรี ๆ
เทคนิคส่งสินค้าให้คนลองใช้แบบฟรีๆ ยังคงเป็นเทคนิคการตลาดในการหาลูกค้าแบบคลาสสิกที่ยังคงใช้ได้ผลอยู่ แต่จะดีกว่าหรือไม่ถ้าคุณลองเพิ่มการสร้าง Story หรือ ใช้เทคนิค Storytelling เพิ่มลงไปแบบออฟไลน์ให้กับผลิตภัณฑ์ตัวอย่างทดลองใช้ ทดลองชิมเหล่านั้นด้วย การทำเช่นนี้จะตอบโจทย์คนยุคนี้มากขึ้น เพราะสามารถสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ครบทุกมิติให้กับผู้บริโภค ได้สัมผัสกับของดี และได้รับรู้ถึงเรื่องราวดีๆด้วย ทำให้พวกเขาไม่ได้แค่ทดลองใช้แล้วจบไป แต่พอสัมผัสแล้วก็จะจดจำแบรนด์ได้ เพราะมีเรื่องราวดีๆสนับสนุน
การสร้าง Story ให้กับผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการแจกฟรีนั้น จะทำให้คุณพบเจอลูกค้าได้อย่างง่ายมากขึ้น เพราะทุกคนชอบของฟรี และทุกคนก็ชอบทุกอย่างที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจน่าจดจำ มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง เป็นหนึ่งวิธีที่คุณสามารถใช้เปิดตลาดและหาลูกค้าได้เช่นกัน
แคมเปญ โปรโมชั่น ออกบูธ จะ Event ไหนก็อย่างลืม Storytelling ให้ดี
การจะทำให้คนรู้จักว่าธุรกิจคุณมีตัวตน แบรนด์ขึ้นมีอยู่ในโลกนี้นะ ก็คือ การเดินเข้าไปหาและแนะนำตัวกับลูกค้าโดยตรง แต่สมัยนี้การเดินเข้าไปหาแบบโต้งๆนั้น จะทำให้ลูกค้าหนีมากกว่า ทุกโปรโมชั่น ทุกแคมเปญ ที่คุณคิดจะทำเพื่อแนะนำตัว ก็อย่าลืมที่จะสร้าง Story เอาไว้ Support ด้วย เพราะสิ่งนี้จะทำให้ Event ของคุณมีพลังและมีความน่าสนใจและน่าจดจำ ยกตัวอย่างเช่น แคมเปญ 11.11 ที่เริ่มต้นจาก Alibaba ส่งต่อมายัง Lazada และขยายไปยังทุกกลุ่มอีคอมเมิร์ซในยุคปัจจุบัน ที่มีเรื่องราวของวันคนโสดหนุนหลังอยู่ ทำให้แคมเปญ 11.11 มีพลังมากยิ่งขึ้น คราวนี้คนโสดก็มีเหตุผลในการซื้อ คนไม่โสดก็มีเหตุผลในการมอบของให้กับคนโสด เรียกว่าโสดไม่โสดก็ซื้อกันกระหน่ำในวันนั้น เพราะของลดราคา ซึ่งนี่คือพลังของการสร้าง Story ให้กับ Event มีเรื่องราวรองรับ คนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลที่ที่จะตัดสินใจซื้อ
เทคนิคการสร้าง Story จึงเป็นเหมือนผู้สนับสนุนหลักของการทำธุรกิจในยุคนี้ ธุรกิจใดแบรนด์ใดในวันนี้ถ้ามีเรื่องเล่าดี ๆ สนับสนุนอยู่ด้านหลังก็ดูเหมือนจะขาดพลังและแรงจูงใจในการซื้อของลูกค้ามากเลยทีเดียว ฉะนั้น ถ้าคุณต้องการหาลูกค้าให้เจอง่ายขึ้น ลองสร้าง Story ให้กับธุรกิจคุณดูสิ ให้ออกมาในรูปแบบ Text คอนเทนต์ก็ได้ ประหยัดเวลาและต้นทุนได้มากกว่าการทำเป็น VDO เพียงเท่านี้คุณก็จะมีจุดเริ่มต้นดีๆในการเข้าสู่ตลาดและหาลูกค้าที่ใช่แล้วล่ะ