แม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะมาทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ต้องลดงบการตลาดและการโฆษณาของตนลงไป แต่ก็มีบางแบรนด์ธุรกิจมองว่าการทำโฆษณา “น้ำดี” ออกมาในช่วงนี้เป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ซึ่ง 2 แบรนด์ 2 ธุรกิจที่แตกต่างที่เราจะนำมาเล่าให้ฟังกันในครั้งนี้ ต่างก็เลือกวิธีการทำโฆษณาออกมาแบบ Storytelling ทั้งคู่ ซึ่งการทำโฆษณาแบบเล่าเรื่องในลักษณะนี้ก็สอดรับกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงตัวบริบท Content จะเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ไวรัสแล้ว วิธีการนำเสนอแบบ Storytelling ยังช่วยสะกดคนให้ดูคลิปโฆษณาจนจบได้ด้วย

 

“คิดสักนิดเพื่อสังคมที่ดีขึ้น” Storytelling เพื่อสร้างจิตสำนึกจาก แลนด์แอนด์เฮ้าส์

ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตแบบไหนขึ้นมาในสังคมก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องมีเสมอในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆก็คือ “น้ำใจ” บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองเห็นความสำคัญในสิ่งนี้ และมองแบบ Insight เข้าไปในความรู้สึกของผู้คน จึงทำให้พบว่าไวรัส COVID-19 กระตุ้นความหวาดกลัวของผู้คนออกมา จนทำให้คนคิดถึงแต่ตัวเอง เริ่มละเลยกันและกัน ขาดน้ำใจและลืมเรื่องของการแบ่งปันกันไปโดยสนิท แลนด์แอนด์เฮ้าส์จึงได้นำเอาประเด็นนี้มา Storytelling เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของคนไทย โดยใช้หนูน้อยคนหนึ่งมากระตุกจิตสำนึกของผู้คน ให้มองเห็นว่า แม้กระทั่งเด็กยังคิดถึงผู้อื่น แล้วผู้ใหญ่อย่างเราๆล่ะ เคยคิดถึงคนอื่นกันบ้างไหม การเลือก Storytelling ได้ตรงสถานการณ์ทำให้คลิปโฆษณานี้กลายเป็นไวรัลในโซเชียลในช่วงเดือนที่ผ่านมาไปเลย

“อยากให้คนไทย ใช้ชีวิต อย่างมีสติ” Storytelling ดึงสติคนไทยจาก ยาหม่องน้ำเซียงเพียว

เมื่อเราต้องเผชิญกับอุปสรรค เรื่องร้าย หรือวิกฤตที่เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นธรรมดาที่คนเราจะ “วิตกกังวล” จนขาด “สติ” สามารถเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน และทำอะไรแบบไม่ยั้งคิดได้ บริษัท เบอร์แทรม (1958)  เจ้าขอบแบรนด์ “ยาหม่องน้ำเซียงเพียว” ก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงขอทำคลิปโฆษณาสไตล์ Storytelling สะท้อนเรื่องราวในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมตอนนี้ ที่ต่างก็ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ในรูปแบบต่าง ๆ กันไป เนื้อเรื่องในโฆษณาพยายามจะดึงสติคนไทยกลับมา โดยสื่อให้รู้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ในอาชีพอะไร ขอแค่มีสติไว้จะทำให้คุณยืนหยัดอยู่ได้ และในที่สุดแล้วเหตุการณ์ร้ายๆมันจะผ่านไปในที่สุดเอง

จากคลิป Storytelling ของทั้งสองแบรนด์นี้นับเป็นกรณีศึกษาที่ดี ที่ดึงสติเราให้กลับมาว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายอย่างไร ถ้าคุณคิดถึงการให้ประโยชน์กับผู้อื่นมากกว่าการรับเข้ามา วิธีการของคุณจะสามารถเข้าถึงผู้คนได้ในทุกสถานการณ์ ทั้ง 2 โฆษณานี้ปลุกจิตสำนึกคนได้ และ มีคุณค่ามากกว่าการโฆษณาขายของ ส่วนหนึ่งก็ยังแฝงแง่คิดและทำให้เรามีสติมากขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเราจะฝ่ามันไปด้วยกัน ขอแค่ทุกคนอย่าท้อ ลองมองหาโอกาสในวิกฤตอย่าง 2 แบรนด์นี้ก็ได้ ไม่แน่คุณอาจจะมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปไม่ว่าจะเผชิญความเลวร้ายขนาดไหน