COVID-19 ไม่ได้แค่เกิดขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ได้ส่งผลกระทบไปแค่วงการใดวงการหนึ่ง แต่ไวรัสร้ายนี้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก กระทบไปทุกภาคส่วน ทั้งธุรกิจ สังคมและการใช้ชีวิต ทำให้ตอนนี้ยากเกินที่จะคาดเดาถึงมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ เรียกว่าเจ้าไวรัสร้ายนี้เข้ามา Disrupt แทบทุกอย่าง ครั้งนี้เราจึงขอชวนคุยกับทุกคนด้วยบทความเชิง Story Telling ถึงบทเรียนที่ได้จากเจ้าไวรัสอันตรายตัวนี้ มีอะไรที่มันสอนเรา มีอะไรที่เราเรียนรู้จากมันได้บ้าง

COVID-19 เบรกทุกกลยุทธ์การตลาดและอุตสาหกรรมโฆษณา

เป็นธรรมดาที่การทำธุรกิจจะต้องมีการวางแผนการตลาดและการทำโฆษณา แต่ตอนนี้ไม่ว่าไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก แผนการตลาด กลยุทธ์ใดที่วางไว้ หรืองบประมาณใดที่เตรียมไว้สำหรับการทำโฆษณาต้องพับเก็บเอาไว้หรือยกเลิกไปทุกโครงการ โดยบริษัท ยาเซล มีเดีย ของต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณาดิจิทัลรายใหญ่ของดูไบ ที่มีสาขาของตนเองอยู่ในหลายประเทศ ได้ให้ข้อมูลว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ในหลายๆ ประเทศ มีการวางแผนธุรกิจใหม่ทันทีตั้งแต่วิกฤต COVID-19 ลุกลาม ซึ่งพวกเขาพบว่า ประมาณ 61% ของบริษัทธุรกิจขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่เปลี่ยนไปวางแผนการตลาดระยะสั้นทันที 22% รีบเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดจากการทำการตลาดเชิงรุก มาเป็นการตลาดแบบใช้แรงดึงดูดซึ่งต้องใช้เวลาอย่างการทำคอนเทนต์ Story Telling ที่ต้องค่อยๆให้ผู้บริโภคซึมซับเรื่องราวทีละน้อย เพื่อเป็นการหน่วงเวลารอสถานการณ์ให้คลี่คลาย

นอกจากนั้นความน่าสนใจยังมีอีกว่า 14% ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ได้มีการย้ายงบประมาณการลงทุนที่จะเอาไปลงกับการลงโฆษณาสื่อออฟไลน์ มาเป็นการลงทุนในสื่อออนไลน์แทน และมีถึง 7% เลยทีเดียวที่ตัดงบการตลาดและงบโฆษณาของตนเองออกเลยทันที เช่น Airbnb ตัดงบการตลาดและการทำโฆษณาของตนเอง2.6หมื่นล้านบาทออกทันที เพื่อความประหยัด หรืออย่าง Coca-Cola ประเทศไทย ก็ลองประกาศอย่างชัดเจนว่าจะหยุดโฆษณาสินค้าของตนเองทุกอย่างในช่วงวิกฤตไวรัสนี้ ซึ่งการหยุดการทำการตลาดและโฆษณาส่งผลทำให้เหล่าเอเยนซี่โฆษณาและธุรกิจสื่อได้รับผลกระทบตามๆกันมาด้วย

 

เมื่อคนอยู่กับบ้าน วิถีชีวิตประจำวันก็ย่อมเปลี่ยน

ตอนนี้แทบทุกประเทศ มีมาตรการ Lockdown กันเกือบหมด อย่างไทยเราก็มีการประกาศเคอร์ฟิว รวมไปถึงพยายามรณรงค์ให้คนอยู่บ้าน (#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ) บริษัทต่างๆก็เริ่มเปลี่ยนวิถีการทำงานให้คนสามารถทำงานจากที่บ้านได้ และกระแส Work from Home ก็เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ใครหลายคนจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกนักกับการเปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงแต่เชื่อว่านานๆไปก็จะเริ่มปรับตัวได้เอง

Work-from-Home-manny-P2-4kxFhvCQ-(1280x855)
Photo by manny PANTOJA on Unsplash

จากการที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน ต้องทำงานจากบ้าน นั่นหมายความว่า เราทุกคนจำเป็นต้อง “ออนไลน์” กันบ่อยขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง “แพลตฟอร์มดิจิทัล” ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรทีเดียว ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤต Coronavirus นี้ “มือถือ” เป็นแพลตฟอร์มที่คนรู้สึกว่าจำเป็นมาก และใช้งานบ่อยกว่าคอมพิวเตอร์ แต่พอเกิดวิกฤตขึ้น วิถีการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปต้องมาทำงานที่บ้าน ต้องอยู่บ้านมากขึ้น คนกลับหันมาใช้ “คอมพิวเตอร์” มากขึ้นกว่ามือถือ เนื่องจาก จำเป็นจะต้องทำงานสำคัญๆ เข้าถึงระบบ Server หรือ Cloud เก็บข้อมูลของบริษัท รวมไปถึงต้องประชุมงานออนไลน์กันตลอด “มือถือ” จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการทำงานอย่างจริงจังไม่สะดวกอย่างเดิม นี่ยังไม่รวมถึง มีคนส่วนหนึ่งหันกลับมาดูทีวีเยอะขึ้นด้วย เพราะต้องคอยติดตามข่าวสาร หรือ อยู่บ้านชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งผ่านทีวีจอใหญ่ที่ดูกันได้เต็มตากันทั้งครอบครัว

 

โอกาสทองของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

เมื่อคนเดินทางไม่ได้ เคลื่อนไหวไปไหนก็ลำบาก การช้อปปิ้งออนไลน์จึงกลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สถานการณ์ในลักษณะนี้อย่างยิ่ง นั่นทำให้ช่วงนี้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือในกลุ่มบริการทางด้านออนไลน์ต่างๆเติบโตพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างกลุ่มขนส่งสินค้าต่างๆด้วยนั่นเอง

Highlight Story Telling

  • วิกฤตนี้อาจทำให้ภาคธุรกิจต้องกลับมาทบทวน แผนการทำการตลาดของตนเองใหม่ ว่าเรามัวแต่เน้นจะเอาชนะกันมากเกินไปหรือเปล่า เราทุ่มทุกอย่างเพื่อที่จะขายของอย่างเดียว เราทุ่มเงินไปกับการโฆษณาขายสินค้ามากกว่าการเสียเงินเพื่อการสื่อสารและการให้ประโยชน์ให้กับลูกค้า หากเราเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับตลอดเวลาที่ผ่านมา ในยามที่เราตกที่นั่งลำบาก เราจะมีลูกค้ายืนเคียงข้างเราเสมอ
  • ที่ผ่านมาเราเอาแต่พูดถึง แต่ “ยุคดิจิทัล” พูดถึงเรื่องออนไลน์ พูดถึง Big Data พูดถึง IoT พูดถึง 4.0 หรือ 5G แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ทำให้เราเห็นว่า เรามีแต่คำพูด แต่เราไม่เคยทำให้เกิดขึ้นจริง เพราะแค่กลับมาทำงานที่บ้านหลายๆบริษัทก็แทบจะไปไม่เป็นกับการทำงานแบบออนไลน์ หรือจากการสั่งงานระยะไกลจริงๆมันถึงเวลาหรือยังที่เราจะเปลี่ยนชีวิตของเรา เปลี่ยนองค์กรของเรา ให้เป็นดิจิทัลแบบจริงๆที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด
  • เราละเลยกันและกันไปมากแค่ไหน ลืมให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตตนเอง ในการเก็บออม ลืมให้ความสำคัญกับสังคมเล็กๆอย่างครอบครัว ลืมให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ลืมให้ความสำคัญกับสังคมใหญ่ๆอย่างการดูแลสิ่งแวดล้อมกันไปมากน้อยขนาดไหน วิกฤต COVID-19 ได้ตบหน้าเราฉาดใหญ่ให้ได้ตระหนักกันแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับมาหาและมองสิ่งที่สำคัญกับชีวิตของเรากันเสียที

อ้างอิง : reuters.comCoca-Colaemarketer