Tony Robbins ชายผู้นี้คือสุดยอดตำนานแห่ง “โค้ช” ที่ทรงอิทธิพลต่อผู้คนมากมาย เขาคือนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน คำพูดของเขาสามารถเปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วอย่างมากมาย
ไร้ต้นทุนแต่ไม่ไร้ความมุ่งมั่น โอกาสสำเร็จก็มี
คนเราเกิดมาแตกต่าง เราทุกคนล้วนมีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันไป บางคนต้นทุนชีวิตต่ำจนแทบจะเรียกว่าเกิดมาไม่มีอะไรเลย แต่คุณจะเชื่อหรือไม่ว่าคนที่ไร้ต้นทุนเหล่านั้น เขาได้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแต่ละวงการ เป็นคนที่ทรงอิทธิพลและสามารถส่งต่อแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย Tony Robbins เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย วัยเด็กของชายผู้นี้เรียกว่าต้นทุนต่ำจนแทบจะติดดิน เขาเกิดในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาถือว่าเป็นคนชนชั้นแรงงานที่ยากจน และครอบครัวของเขาก็เต็มไปด้วยปัญหามากมาย พ่อแม่ของ Tony ต้องอย่างร้างกันไปตั้งแต่วัยเขาได้ 7 ขวบเท่านั้น Tony ต้องพยายามถีบตัวเองขึ้นมาจากความยากลำบาก การทนอดมื้อกินมื้อ เมื่อเขาอยู่ในวัยมัธยมก็เริ่มทำงาน เขาพยายามทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงเพื่อนำเงินมาส่งเสียตัวเองและน้องๆ ให้มีกินและได้เรียนหนังสือ เขาจบได้แค่ชั้นมัธยม ไม่มีโอกาสไปต่อทั้งขั้นมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีเงินเรียน เขาออกจากบ้านและไปสมัครเป็นภารโรง
Tony Robbins ไปค้นพบตนเองว่ามีความสามารถในการพูดในที่สาธารณะได้โดยบังเอิญ เขาเคยอ่านหนังสือของ Ralph Waldo Emerson และ Dale Carnegie นักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ และเขาได้รับแรงบันดาลใจจากถ้อยคำในหนังสือ และเมื่อมีโอกาสได้พูดในที่สาธารณะเขาจึงนำสิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดออกมาตามความคิดของเขา จากจุดเล็ก ๆ จุดนั้น ทำให้เขาค้นพบตนเอง และผลักดันจนกลายเป็นพรสวรรค์และสร้างสรรค์จนกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่า ซึ่งคุณเชื่อไหมว่าเขาสามารถที่จะสร้างเงิน 24 ล้านเหรียญให้กับตัวเองได้ด้วยการพูดเพื่อทำให้คนเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยวัยเพียง 24 ปี
อาชีพสร้างแรงบันดาลใจ และแรงบันดาลใจก็ช่วยสร้างอาชีพ
อาชีพการเป็น “โค้ช” ทางความคิด หรือการเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ(บางคนเรียกว่าอาชีพนักสอนสร้างเงินล้าน)นั้น ดูเหมือนไม่น่าจะใช่อาชีพหรือสิ่งที่จะทำเงินเข้ากระเป๋าจนร่ำรวยได้ หลายคนอาจจะคิดว่า “ใครมันจะไปเรียน” แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาชีพนี้มีอยู่จริงๆ และคนที่ทำก็รวยจริงจากอาดชีพนี้กันแทบจะทุกคน(มีคนทำแล้วไม่สำเร็จก็มาก) คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามย่อมจะพบเจอกับปัญหาอุปสรรคได้ตลอดเวลา ยิ่งคนที่ทำงานยิ่งจะพบเจอปัญหาที่หลากหลายๆ บางคนอาจเจอปัญหาไม่หลากหลาย แต่ด้วยความที่ซ้ำๆ เดิมๆก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย แต่ไม่ว่าอุปสรรคจะมาแบบไหนก็ตามก็ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรารู้สึก “หมดไฟ” เหนื่อย ท้อ ไม่อยากไปต่อกันได้ทุกเวลา
เมื่อคนเราแตกต่าง มีจุดเริ่มต้นมาไม่เหมือนกัน ต้นทุนทางความคิดจึงแตกต่างกันไปด้วย ใช่ว่าคนเราจะรู้จักวิธีการในการแก้ปัญหาและขจัดอุปสรรคที่เข้าในชีวิตกันได้ทุกคน หลายคนเมื่อเจออุปสรรคหรือความกดดันในชีวิตมากๆก็ทำให้รู้สึกหมดแรง ท้อแท้และต้องการแรงบันดาลใจใหม่ๆที่จะทำให้ก้าวเดินต่อไปได้กับชีวิตในวันพรุ่งนี้ แค่การมีถ้อยคำบางคำไม่ว่าจะผ่านคำพูดหรือตัวอักษรที่ทำให้ “ฉุกคิด” ได้ ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจ โหมไฟในตัวให้กระพือได้อีกครั้ง และการสร้างสรรค์ถ้อยคำที่ชักนำแนวคิดแบบนี้นี่แหละที่เป็นหน้าที่ของ Tony Robbins ผู้เป็น “โค้ช” แนะแนวทางความคิดและการใช้ชีวิต ถ้าโลกเราขาดคนอย่าง Tony Robbins เราคงไม่ได้พบเห็นอะไรดีๆหรือคนประสบความสำเร็จมากนัก ฉะนั้น เมื่อคนมีไฟ มีแรงบันดาลใจที่จะทำสิ่งต่างๆ แล้ว พวกเขาก็จะมีอาชีพการงานที่ดี และเป็นบันได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จชีวิตในวันข้างหน้า
กุญแจสู่ความสำเร็จสไตล์ Tony Robbins
1.รู้ลึกถึงใจตัวเอง
แกนหลักของการประสบความสำเร็จในทุกๆสาขาอาชีพ คือ ต้องรู้ใจตัวเองว่าชอบอะไร เก่งอะไร และถนัดอะไร เมื่อรู้ใจตนเองก็จะกำหนดเป้าหมายได้ง่าย และถ้าเดินทางไปแล้วเจออุปสรรค คุณอย่าได้เปลี่ยนเป้าหมาย แต่จงเปลี่ยนแผนการเดินทาง
ถ้าเดินทางไปแล้วเจออุปสรรค คุณอย่าได้เปลี่ยนเป้าหมาย แต่จงเปลี่ยนแผนการเดินทาง
Tony Robbins
2.เรียนรู้ที่จะล้มเหลว
ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดให้กล้าที่จะเผชิญกับความล้มเหลวในสายตาของปราชญ์ มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน ไม่จมปลักอยู่กับความเศร้าหมองเมื่อผิดหวัง แต่จงแปรเปลี่ยนมันเป็นพลังให้ก้าวเดินต่อไปให้ได้ เรียนรู้มันและอย่าทำให้มันเกิดขึ้นอีก
3.ต่อเนื่องและไม่มีวันหยุด
คนเราเมื่อทำสิ่งใดมักเจออุปสรรคอยู่เสมอ แต่อุปสรรคมักจะแพ้ความมานะพยายาม การทำอย่างต่อเนื่องไม่ลดละเท่านั้นถึงจะทลายกำแพงอุปสรรค และเมื่อก้าวข้ามผ่านอุปสรรคแรกไปแล้วก็จะมีอุปสรรคและความท้าทายใหม่ๆเข้ามาทดสอบเราอีก ชีวิตจริงมันเป็นแบบนี้ และทุกอย่างมันจะไปต่อไปได้ทันทีที่คุณหยุดลงมือทำ ความสำเร็จไม่มีวันหยุดพัก มีแต่จะให้เรามุ่งไปหาความสำเร็จใหม่ๆที่สูงขึ้นยากขึ้น ฉะนั้น อย่าหยุดลงมือทำ ทำไปสักวันความสำเร็จก็จะเข้ามาใกล้เอง
4.สร้างความสมดุลให้ตัวเองเสมอ
เมื่อเหนื่อยก็พัก เมื่อพร้อมก็เริ่มทำ ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรหยุด เมื่อไหร่ที่ควรเดินต่อไป อย่าดันทุรัง ถ้าร่างกายหรือหัวใจมันบอกว่าไม่ไหวแล้ว จงฟังมันบ้างและให้มันได้พัก ได้ปรับสมดุลตัวมันเอง ความสำเร็จเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา การเดินไปข้างหน้าแบบไม่หยุดพักเลยอาจทำให้คุณล้มลง บาดเจ็บและหมดแรงก่อนไปถึงฝั่งฝันก็ได้ ฉะนั้น ทำไมคุณไม่ให้เวลากับตัวเอง หรือ ให้เวลากับการดูแลหัวใจตัวเองบ้างล่ะ เพราะสองสิ่งนี้แหละที่จะทำให้คุณพร้อมที่จะเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้อย่างสดชื่นที่สุด