อวสาน Content Marketing ขายของ เมื่อ Facebook สแกนลึกถึงเนื้อหาที่โพสต์

Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ขายของ เป็นอีกครั้งที่โซเชียลมีเดียใหญ่ขยับแล้วเราสะเทือน กระทบกับการทำ Content Marketing สำหรับคนขายของออนไลน์พอสมควร

Facebook-impact-content-marketing-01

เชื่อว่าหลายๆคนที่ขายของออนไลน์บน Facebook ก็จะเจอปัญหากันแล้ว ที่ทาง Facebook ปิดกั้นการมองเห็นโพสต์ที่ขายของในหน้า Facebook ส่วนตัว หรือบางเพจเองก็โดนเหมือนกัน นับเป็นการจัดระเบียบใหม่อีกครั้งของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่รายนี้ ซึ่งสร้างผลกระทบไปทั่วกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ทำ Content Marketing เพื่อขายสินค้าบน FB ทั้งเพจและพื้นที่ส่วนตัว ปัญหาเกิดแน่นอนทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ในปัญหาที่น่าหนักใจนี้ก็สะท้อนอะไรหลายอย่างให้เราได้เห็น รวมถึงพฤติกรรมการบริโภค พฤติกรรมการขาย รวมไปถึงวิธีการแก้ปัญหาแบบไทยๆของเราด้วย

 

Facebook กำลังทำอะไรและเปลี่ยนแปลงทำไม

การที่ทาง FB ลุกขึ้นมาปรับอัลกอริธึมในหน้าโพสต์ส่วนตัวของทุกคนใหม่ในครั้งนี้ โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ไม่ได้มีการแถลงวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการ แต่เราๆท่านๆ ต่างก็รู้เจตนาของทาง FB กันดีอยู่แล้วว่า การที่ FB ปรับเปลี่ยนกฎอัปเดตอัลกอริธึมให้สแกนลึกแบบตัวจับ “บริบท” คำต่างๆในโพสต์ของเราว่าขายของหรือเปล่านั้น เป็นเพราะ FB ต้องการบีบผู้ใช้งานที่มีจุดประสงค์ในการใช้ FB ทำธุรกิจ กล่าวง่ายๆว่าบีบคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ไปใช้ Facebook Page แทน เพื่อจะได้แยกประเภทได้ชัดเจนว่าอันไหน พื้นที่ส่วนตัว อันไหนพื้นที่ทำธุรกิจ และเพจนั้นจะต้องตั้งขึ้นเพื่อทำธุรกิจด้วย ถ้าใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะถูกลดการมองเห็นด้วยเหมือนกัน

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ FB ใช้อัลกอริธึมตรวจจับโพสต์เลยว่า โพสต์ไหนมีข้อความหรือถ้อยคำที่บอกชัดเจนว่า ขายของ ขายอะไร ราคาเท่าไหร่ หรือเป็นบริบทถ้อยคำชวนให้ซื้อสินค้า FB จะปรับลด “การมองเห็น” ทันที ซึ่งการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้ จึงเป็นเรื่องน่าหนักใจมาก สำหรับคนขายของออนไลน์ บางคนมีการทำ Content Marketing อย่างดีในพื้นที่ FB ของตนเอง มีการปฏิสัมพันธ์บางครั้งมีการ Storytelling นำเรื่องเล่ามาเชื่อมโยงกับการขายที่ดีมาก แต่ทุกอย่างก็ไร้ค่าถ้าทำไปแล้ว ไม่มีใครมองเห็น

เรื่องการปรับ “การมองเห็น” เคยเกิดขึ้นมาให้แล้ว เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนั้นเกิดขึ้นกับ  Facebook Page ซึ่งอยู่ๆFB ก็ปรับลดการมองเห็นเพจเอาดื้อๆโดยให้เห็นผลว่าพื้นที่ของเพจ เริ่มไปรบกวนพื้นที่ส่วนตัวของผู้ใช้งาน เพราะตอนนั้นธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต่างใช้ Facebook Page ในการสร้างกระแสทำ Content Marketing เรียกลูกค้าให้กับตนเองทั้งสิ้น ตอนนั้นทุกคนแทบจะไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ทำ Content Marketing แต่ก็แน่นอนทุกคนรู้อยู่ว่า FB ต้องการขายโฆษณา บีบให้ผู้ใช้งานต้องมาซื้อโฆษณา ไม่อย่างนั้นโพสต์คุณก็จะไม่มีใครมองเห็น

facebook_mark_Zuckerberg
เครดิต ภาพจาก techsauce.co

การปรับลดการมองเห็นในครั้งนี้ก็มาคล้ายๆกัน แต่ Keyword ที่สำคัญของการปรับครั้งนี้ ไม่ได้แค่เรื่องของการให้คนกลับไปใช้ Facebook Page แต่เป็นเรื่องของฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook ที่เปิดตัวไปแล้วในต่างประเทศ นั่นคือ “Facebook Shops” เป็นฟีเจอร์ล่าสุดที่ทาง FB ต้องการทำขึ้นมาเพื่อเอาใจตลาดอีคอมเมิร์ชโดยเฉพาะ เพราะพวกเขาคงเห็นแล้วว่า เทรนด์ของอีคอมเมิร์ชยังเติบโตไปได้อีกไกลและยาวนานมาก ยิ่งโควิด 19 มากระตุ้น อีคอมเมิร์ชยิ่งโตและมีอนาคต ฟีเจอร์ใหม่ที่ออกมานี้ก็จะคงจะตอบโจทย์ตลาดได้ดี ซึ่งจะเป็นฟีเจอร์ที่เปิดให้ใช้ฟรี กลุ่มเป้าหมายก็คือ กลุ่มธุรกิจ SMEs และพ่อค้าแม่ต้าออนไลน์ต่างๆ (ให้ใช้ฟรีแต่เก็บค่าโฆษณาเหมือนเดิม) การคัดกรองโพสต์ไม่ให้ผู้ใช้งานขายของผ่าน FB ส่วนตัวก็น่าจะเป็นด้วยเหตุนี้นั่นเอง

 

นักช้อปชาวไทยเป็นสาย “ไถ”

การปรับลดการมองเห็นโพสต์ขายของในครั้งนี้ นำไปสู่การฉายภาพการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบัน ทำให้เราเห็นชัดขึ้นเลยว่า Content Marketing ส่วนหนึ่งกระหน่ำลงไปใน FB ทั้งเพจและ FB ส่วนตัวเยอะมาก บางเพจธุรกิจมีการ Storytelling ได้ดีและมีความน่าสนใจมากด้วย ในขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพของผู้บริโภคและผู้ใช้งาน FB ชาวไทยได้ชัดเจนมากขึ้นด้วยว่า คนไทยเราใช้ FB กันเยอะมากและบ่อยมาก แต่ละคนใช้เวลากับโซเชียลมีเดียนี้เยอะมากจริงๆในแต่ละวัน และ การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มนี้ก็เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆด้วย

 

shopping-online-thailand-social-media

มีการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยราว 76% ได้เห็น ได้รู้จักแบรนด์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆผ่านการเลื่อนฟีดหรือการ “ไถ” Facebook และมีถึงประมาณ 60% ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านการเห็นจาก Facebook ซึ่งการซื้อนั้นเป็นการซื้อกับร้านค้าออนไลน์ใหม่ๆที่ไม่เคยซื้อหรือเคยรู้จักมาก่อนด้วย สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าคนไทยเราช้อปปิ้งออนไลน์ผ่าน Facebook กันไม่น้อยทีเดียว และส่วนหนึ่งก็เป็นอำนาจของการวางแผนการทำ Content Marketing ที่ดีของเจ้าของธุรกิจและร้านค้า ซึ่ง Content Marketing ที่ทำออกมาก็จำเป็นเหลือเกินที่จะต้อง “ถูกมองเห็น”

แต่ทว่าที่ผ่านมา Content Marketing ที่นำเสนอผ่านเพจธรรมชาติแล้วจะมีคนเห็นน้อยหรือไม่มีใครมองเห็นเลย เราเลยจำเป็นต้อง Boost Post คือ ซื้อ Ad Facebook แต่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั่วไป มองว่าต้นทุนตรงนี้สูงเกินไป และคาดหวังยอดขายไม่ได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนมาขายผ่าน Facebook ส่วนตัวเลย ยิ่งตอนหลังการไลฟ์ขายได้ผลมากขึ้น เลยกลายเป็นกระแส คนเริ่มไม่ทำเพจ ส่วน Content Marketing ที่นำเสนอการเป็นการไลฟ์แทบทั้งหมด FB ก็เห็นปัญหานี้ พวกเขาก็คำนวณแล้วว่า รายได้จากโฆษณาจะหายไปมากขนาดไหน จึงจำเป็นต้องต้องมีการเปลี่ยนแปลง

 

ปรากฏการณ์ขายของบน Facebook แบบไทยสไตล์

การเปลี่ยนแปลงของโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้ก็ถือว่าสร้างความสะเทือนให้กับการขายของออนไลน์บน Facebook พอสมควร มีหลายคนมีลูกค้าประจำที่ติดตามและเป็นเพื่อนกันบน FBจำนวนมาก การจะย้ายร้านค้าออนไลน์ของตนเองจาก FBไปสู่เพจจึงไม่ง่าย และที่สำคัญกระทบกับต้นทุนแน่นอน เพราะการทำเพจต้องมีทุนยิง Ad อีก และ Content Marketing ที่จะทำต้องดูเป็นทางการพอสมควร ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ชาวไทยเราก็ครีเอทแบบสุดๆ ถ้าบอกว่า FB ใช้อัลกอริธึมที่ซับซ้อนและเก่งกาจในการตรวจจับข้อความบนโพสต์ พ่อค้าแม่ค้าหรือผู้ใช้งานก็มีอัลกอริธึมแบบบ้าน ๆ ที่ฉลาดแยลยลไม่แพ้กันมาแก้ลำ FB อีกที นั่นคือ การโพสต์แคปชั่นแบบพิลึกและแปลกตา มีการใช้อักษรภาษอังกฤษมาผสมกับภาษาไทย อย่าง เช่นคำว่า “ขาย” พวกเขาจะพิมพ์ว่า “vาย” หรือ คำว่า “ราคา” ก็จะพิมพ์ว่า “sาคา” หรือไม่ก็เอาฮากว่านั้น คือมีการใช้คำแทน ที่อ่านแล้วให้อารมณ์ขันพอสมควรทีเดียว

 

post-fb-01

นี่จะเป็นทางตันหรืออวสานการทำ Content Marketing เพื่อขายของบน FB หรือเปล่าก็ยังตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Facebook Shops เกิดขึ้นแล้ว และคาดว่าคงจะเปิดให้คนไทยได้ใช้ในไม่ช้านี้ การทำคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าจึงต้องมีการปรับตัวและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มต่อไป เทคโนโลยีจะเปลี่ยนอย่างไรก็ช่าง ขอให้เรามีไอเดียอยู่เสมอก็พอ ถ้ามีไอเดียคอนเทนต์ก็จะไม่ตายและจะเป็นเครื่องมือดึงดูดลูกค้าให้คุณอยู่เหมือนเดิม