พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

106
พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

พระราชวังต้องห้าม พระราชวังหลวงอันยิ่งใหญ่ของจีน สัญลักษณ์แห่งอำนาจและบารมีของราชวงศ์จีนมาอย่างยาวนาน เคยเป็นที่อยู่ของจักรพรรดิจีนและราชวงศ์มาเป็นเวลากว่า 500 ปี เป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกลางราชวงศ์หมิงจนถึงราชวงศ์ชิง มีพื้นที่กว่า 720,000 ตารางเมตร มีอาคารมากกว่า 9,000 หลัง และห้องมากกว่า 8,700 ห้อง 

ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1987 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศจีน  ที่นี่เป็นศูนย์รวมอำนาจและวัฒนธรรมของจีนมาอย่างยาวนาน ผู้คนต่างพากันหลงใหลในความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา 

แต่รู้หรือไม่ว่า นอกเหนือจากความสวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว วังต้องห้ามแห่งนี้ยังมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากมาย ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือล่วงล้ำเข้าไปภายใน แม้แต่ข้าราชการชั้นสูงหรือทหารองครักษ์ ก็ยังต้องขออนุญาตอย่างเคร่งครัด

แล้วกฎห้ามเหล่านี้มีอะไรบ้าง? เหตุใดจึงต้องห้ามเช่นนี้? บทความนี้จะพาไปไขความลับของวังต้องห้าม มหาปราสาทลับของจักรพรรดิจีน

พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

คำถามชวนคิด

1.เหตุใดพระราชวังต้องห้ามจึงมีกฎห้ามมากมาย?

พระราชวังต้องห้ามเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจักรพรรดิจีนและราชวงศ์ของเขา จึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบและข้อห้ามมากมาย กฎเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องพระราชวังและราชวงศ์จากอันตรายและภัยคุกคามต่างๆ รวมไปถึงการรักษาความสง่างามและความยิ่งใหญ่ของพระราชวัง

สาเหตุหลักของข้อห้ามในพระราชวังต้องห้ามมีดังนี้

  • เพื่อรักษาอำนาจและอภิสิทธิ์ของจักรพรรดิจีน จักรพรรดิจีนถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรจีน พระองค์มีอำนาจเหนือชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั้งปวง กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องอำนาจและอภิสิทธิ์ของพระองค์ไม่ให้ถูกละเมิด ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปเข้าพระราชวังโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามประชาชนทั่วไปมองพระพักตร์ของจักรพรรดิ ห้ามประชาชนทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีเหลืองซึ่งเป็นสีของจักรพรรดิ
  • เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวัง พระราชวังต้องห้ามถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิจีนและราชวงศ์ กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปทำสิ่งสกปรกหรือก่อความวุ่นวายในพระราชวัง ห้ามประชาชนทั่วไปพกอาวุธเข้าพระราชวัง
  • เพื่อรักษาระเบียบและความปลอดภัยของพระราชวัง พระราชวังต้องห้ามเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อรักษาระเบียบและความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปวิ่งเล่นหรือส่งเสียงดังในพระราชวัง ห้ามประชาชนทั่วไปทิ้งขยะหรือสิ่งของอันตรายในพระราชวัง

กฎห้ามในพระราชวังต้องห้ามสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ

1.กฎห้ามทั่วไป

มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องพระราชวังและราชวงศ์จากอันตรายและภัยคุกคามต่างๆ กฎเหล่านี้ได้แก่

  • ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในพระราชวังโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ห้ามนำอาวุธเข้าไปในพระราชวัง
  • ห้ามพูดจาหรือกระทำการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อพระราชวังหรือราชวงศ์
2.กฎห้ามเฉพาะบุคคล

มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสง่างามและความยิ่งใหญ่ของพระราชวัง กฎเหล่านี้ได้แก่

  • ห้ามบุคคลภายนอกสวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหราหรือสวยงามเกินไปเข้าไปในพระราชวัง
  • ห้ามบุคคลภายนอกแสดงอารมณ์ที่รุนแรงหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในพระราชวัง
  • ห้ามบุคคลภายนอกสัมผัสสิ่งของมีค่าในพระราชวัง

กฎห้ามเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและสถานการณ์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น ในสมัยราชวงศ์หมิง กฎห้ามมีน้อยกว่าสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากในสมัยราชวงศ์หมิง จักรพรรดิมีอำนาจมากกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีกฎห้ามมากมายเพื่อควบคุมพฤติกรรมของผู้คน

ในยุคปัจจุบัน กฎห้ามในพระราชวังต้องห้ามส่วนใหญ่ยังคงใช้อยู่ แต่มีบางกฎที่ผ่อนปรนลงบ้าง ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบัน อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปในพระราชวังได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากรัฐบาล แต่ยังคงมีกฎห้ามบางประการที่ยังคงบังคับใช้ เช่น ห้ามถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอภายในพระราชวังโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.กฎห้ามเหล่านี้มีวัตถุประสงค์อะไร?

กฎห้ามในพระราชวังต้องห้ามมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ดังนี้

1.ประการแรก เพื่อรักษาอำนาจและอภิสิทธิ์ของจักรพรรดิจีน

จักรพรรดิจีนถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรจีน พระองค์มีอำนาจเหนือชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั้งปวง กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องอำนาจและอภิสิทธิ์ของพระองค์ไม่ให้ถูกละเมิด ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปเข้าพระราชวังโดยไม่ได้รับอนุญาต ห้ามประชาชนทั่วไปมองพระพักตร์ของจักรพรรดิ ห้ามประชาชนทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีเหลืองซึ่งเป็นสีของจักรพรรดิ

2.ประการที่สอง เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวัง

พระราชวังต้องห้ามถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิจีนและราชวงศ์ กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปทำสิ่งสกปรกหรือก่อความวุ่นวายในพระราชวัง ห้ามประชาชนทั่วไปพกอาวุธเข้าพระราชวัง

3.ประการที่สาม เพื่อรักษาระเบียบและความปลอดภัยของพระราชวัง

พระราชวังต้องห้ามเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน กฎห้ามในพระราชวังจึงมีจุดประสงค์เพื่อรักษาระเบียบและความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ ตัวอย่างเช่น ห้ามประชาชนทั่วไปวิ่งเล่นหรือส่งเสียงดังในพระราชวัง ห้ามประชาชนทั่วไปทิ้งขยะหรือสิ่งของอันตรายในพระราชวัง

3.กฎห้ามเหล่านี้ยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบันหรือไม่?

-คำตอบของคำถามนี้ขึ้นอยู่กับความหมายของ “กฎห้าม” และ “ความหมาย” ในกรณีนี้

กฎห้าม

หาก “กฎห้าม” หมายถึงกฎที่ห้ามการกระทำใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือสังคม กฎเหล่านี้ยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม กฎเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของสังคมและในแง่ของศีลธรรมหรือจริยธรรม

ตัวอย่างเช่น กฎห้ามการฆ่าผู้อื่นยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเป็นกฎที่ปกป้องสิทธิในชีวิตของบุคคล กฎห้ามการลักขโมยทรัพย์สินผู้อื่นก็ยังคงมีความหมายเช่นกัน เนื่องจากเป็นกฎที่ปกป้องสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล กฎห้ามเหล่านี้ยังคงมีความจำเป็นในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม

ในทางกลับกัน กฎห้ามบางข้ออาจไม่มีความหมายในยุคปัจจุบัน เช่น กฎห้ามการกินเนื้อสัตว์บางชนิด กฎห้ามเหล่านี้อาจมีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อทางศาสนาหรือวัฒนธรรมที่ล้าสมัยแล้ว ในปัจจุบัน ผู้คนมีสิทธิที่จะเลือกรับประทานอาหารได้ตามต้องการ กฎห้ามเหล่านี้จึงอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป

ดังนั้น กฎห้ามเหล่านี้ยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความหมายของกฎห้ามเหล่านั้น หากกฎห้ามเหล่านั้นมีความหมายเพื่อปกป้องสิทธิหรือความปลอดภัยของบุคคลหรือสังคม กฎห้ามเหล่านั้นก็ยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม หากกฎห้ามเหล่านั้นมีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อทางศาสนาหรือวัฒนธรรมที่ล้าสมัยแล้ว กฎห้ามเหล่านั้นอาจไม่มีความหมายอีกต่อไป

ความหมาย

หาก “ความหมาย” หมายถึงความสำคัญหรือคุณค่า กฎห้ามเหล่านี้อาจยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม กฎเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องความปลอดภัยและความมั่นคงของสังคม และยังเป็นตัวแทนของค่านิยมและมาตรฐานทางศีลธรรมของสังคม

อย่างไรก็ตาม กฎห้ามบางอย่างอาจถูกมองว่าล้าสมัยในยุคปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น กฎห้ามการแต่งกายบางประเภท หรือกฎห้ามพฤติกรรมบางประเภทที่อาจไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นหรือสังคมอีกต่อไป กฎเหล่านี้อาจถูกยกเลิกหรือแก้ไขให้ทันสมัยขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว คำถามที่ว่ากฎห้ามเหล่านี้ยังคงมีความหมายในยุคปัจจุบันหรือไม่ เป็นคำถามที่แต่ละคนต้องตอบด้วยตัวเอง ขึ้นอยู่กับความเชื่อและค่านิยมของแต่ละบุคคล

พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

สมัยราชวงศ์ไหนบ้างที่มีข้อห้ามแปลกๆ บ้าง?

ราชวงศ์จีนมีมากมายหลายราชวงศ์ และมีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของราชวงศ์ที่มีข้อห้ามแปลกๆ

ราชวงศ์โจว (ค.ศ. 1046-256)

ในสมัยราชวงศ์โจว มีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของชาวจีนในสมัยนั้น กฎห้ามแปลกๆ บางส่วนในสมัยราชวงศ์โจว ได้แก่

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมรองเท้าหนัง

รองเท้าหนังเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่สงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น รองเท้าหนังทำจากหนังสัตว์ซึ่งถือเป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงและราคาแพง บุคคลทั่วไปต้องสวมรองเท้าที่ทำจากวัสดุราคาถูก เช่น ผ้าหรือไม้ รองเท้าที่ทำจากวัสดุเหล่านี้อาจไม่ทนทานและเสียได้ง่าย อย่างไรก็ตาม รองเท้าหนังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจ บุคคลทั่วไปจึงถูกห้ามไม่ให้สวมรองเท้าหนังเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง

สีดำและสีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและครอบครัวเท่านั้น บุคคลทั่วไปต้องสวมเสื้อผ้าสีขาวหรือสีอื่นๆ สีดำเป็นสีที่สง่างามและเคร่งขรึม ซึ่งมักใช้ในงานศพหรือพิธีการทางศาสนา สีม่วงเป็นสีที่ลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมักใช้ในงานเฉลิมฉลองหรือพิธีกรรมทางศาสนา บุคคลทั่วไปจึงถูกห้ามไม่ให้สวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงเพื่อไม่ให้รบกวนอำนาจและศักดิ์ศรีของจักรพรรดิและครอบครัว

  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสน

ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของเทพเจ้า บุคคลทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกต้นสนเพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนเทพเจ้า ต้นสนเป็นต้นไม้ที่พบได้ทั่วไปในป่าและภูเขา เชื่อกันว่าต้นสนเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงและทนทาน ซึ่งสามารถยืนหยัดต่อลมพายุและพายุฝน บุคคลทั่วไปจึงถูกห้ามไม่ให้ปลูกต้นสนเพื่อไม่ให้รบกวนเทพเจ้าที่อาศัยอยู่ในต้นสน

  • ห้ามบุคคลทั่วไปเลี้ยงสุนัข

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูงในสมัยราชวงศ์โจว บุคคลทั่วไปจึงห้ามเลี้ยงสุนัข หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

สำหรับกฎห้ามเลี้ยงสุนัขนั้น ปรากฏหลักฐานในหนังสือ จื้อจิ้งซู (子刑书) ของ จื้อหยาง (子阳) ขุนนางในสมัยราชวงศ์โจว ซึ่งระบุว่า “บุคคลทั่วไปห้ามเลี้ยงสุนัข” (庶人不得畜犬) อย่างไรก็ตาม หลักฐานนี้อาจตีความได้หลายอย่าง บางคนอาจตีความว่าหมายถึงบุคคลทั่วไปห้ามเลี้ยงสุนัขเพื่อล่าสัตว์หรือเพื่อปกป้องทรัพย์สินเท่านั้น แต่บางคนอาจตีความว่าหมายถึงบุคคลทั่วไปห้ามเลี้ยงสุนัขโดยสิ้นเชิง

  • ห้ามบุคคลทั่วไปรับประทานอาหารในยามค่ำคืน

รับประทานอาหารในยามค่ำคืนเป็นพฤติกรรมที่ถือว่าไม่สุภาพในสมัยราชวงศ์โจว บุคคลทั่วไปจึงห้ามรับประทานอาหารในยามค่ำคืน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

สำหรับกฎห้ามรับประทานอาหารในยามค่ำคืนนั้น ปรากฏหลักฐานในหนังสือ ซื่อจิ้งซู (史刑书) ของ ซื่อหยาง (史阳) ขุนนางในสมัยราชวงศ์โจว ซึ่งระบุว่า “บุคคลทั่วไปห้ามรับประทานอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดิน” (庶人不得食于日暮) อย่างไรก็ตาม หลักฐานนี้อาจตีความได้หลายอย่าง บางคนอาจตีความว่าหมายถึงบุคคลทั่วไปห้ามรับประทานอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดินเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้อื่นเท่านั้น แต่บางคนอาจตีความว่าหมายถึงบุคคลทั่วไปห้ามรับประทานอาหารหลังพระอาทิตย์ตกดินโดยสิ้นเชิง

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของชาวจีนในสมัยนั้นที่ให้ความสำคัญกับอำนาจของชนชั้นสูงและความแตกต่างระหว่างชนชั้น

ราชวงศ์ฉิน (ค.ศ. 221-206)

ในสมัยราชวงศ์ฉิน มีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย เช่น

  • ห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธ

จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงกังวลว่าประชาชนจะมีอาวุธไว้ในครอบครองอาจนำมาซึ่งการกบฏ ดังนั้นจึงทรงห้ามประชาชนครอบครองอาวุธ หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกพืชผักสวนครัว

จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการควบคุมปริมาณอาหารในราชอาณาจักร ดังนั้นจึงทรงห้ามประชาชนปลูกพืชผักสวนครัว หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น

จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการให้สังคมมีระเบียบเรียบร้อย ดังนั้นจึงทรงห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปเดินทางโดยไม่ได้รับอนุญาต

จักรพรรดิฉินต้องการควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้คน จึงห้ามบุคคลทั่วไปเดินทางโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

จักรพรรดิฉินต้องการควบคุมความคิดของผู้คน จึงห้ามบุคคลทั่วไปแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปทำรองเท้าที่มีพื้นหนากว่า 2 นิ้ว

ในสมัยราชวงศ์ฉิน (ค.ศ. 221-206) จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงมีนโยบายรวมอำนาจและปกครองประเทศอย่างเด็ดขาด พระองค์ทรงออกกฎเกณฑ์มากมายเพื่อควบคุมประชาชนและสังคม หนึ่งในกฎเกณฑ์เหล่านั้นคือ ห้ามบุคคลทั่วไปทำรองเท้าที่มีพื้นหนากว่า 2 นิ้ว

1.เพื่อแสดงถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม เหตุผลที่ห้ามบุคคลทั่วไปทำรองเท้าที่มีพื้นหนากว่า 2 นิ้วนั้น อาจเป็นเพราะจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการแสดงถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างชนชั้นสูงและบุคคลทั่วไป รองเท้าที่มีพื้นหนาเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจ จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการให้รองเท้าเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงเท่านั้น ห้ามบุคคลทั่วไปสวมรองเท้าที่มีพื้นหนา

2.เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชน รองเท้าที่มีพื้นหนากว่า 2 นิ้วจะทำให้เดินได้ช้าลง กฎห้ามนี้จึงเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชนไม่ให้เดินทางไปมาได้อย่างอิสระ รองเท้าที่มีพื้นหนาอาจถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ รองเท้าที่มีพื้นหนาสามารถช่วยให้บุคคลทั่วไปเดินได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้บุคคลทั่วไปลุกฮือขึ้นต่อต้านจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ได้

  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลาม

ในสมัยราชวงศ์ฉิน (ค.ศ. 221-206) จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงมีนโยบายรวมอำนาจและปกครองประเทศอย่างเด็ดขาด พระองค์ทรงออกกฎเกณฑ์มากมายเพื่อควบคุมประชาชนและสังคม หนึ่งในกฎเกณฑ์เหล่านั้นคือ ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลาม

เหตุผลที่ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามนั้น อาจเป็นเพราะ

1.เพื่อแสดงถึงความเท่าเทียมทางสังคม จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมทางสังคม ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลาม เพราะต้นสนและต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่มีมูลค่าสูง การปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งและอำนาจ การที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามได้ แสดงถึงความเท่าเทียมทางสังคม

2.เพื่อควบคุมประชาชน จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงเกรงว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นต่อต้านพระองค์ ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลาม เพราะต้นสนและต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจสูง การที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามได้ จะทำให้พวกเขาสูญเสียรายได้และยากจนลง จึงเป็นการควบคุมประชาชนอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ระบุว่า จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการให้ประชาชนทุกคนมีลักษณะที่เหมือนกัน ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลาม เพราะต้นสนและต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่มีรูปร่างและลักษณะที่แตกต่างจากต้นไม้ทั่วไป การปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามอาจทำให้บุคคลทั่วไปมีลักษณะที่แตกต่างจากชนชั้นสูง

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่แท้จริงที่จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนหรือต้นหูฉลามนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

สำหรับเหตุผลเฉพาะที่ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสนนั้น อาจเป็นไปได้ว่า

1.ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ในความเชื่อของชาวจีนโบราณ ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและอายุยืนยาว การที่บุคคลทั่วไปปลูกต้นสนอาจถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ท้าทายอำนาจของจักรพรรดิ

2.ต้นสนเป็นต้นไม้ที่หายาก ในสมัยราชวงศ์ฉิน ต้นสนเป็นต้นไม้ที่หายากและมีค่าสูง การที่บุคคลทั่วไปปลูกต้นสนอาจถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร

3.ต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่ทนทาน ในสมัยราชวงศ์ฉิน ต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่ทนทานและสามารถเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย การที่บุคคลทั่วไปปลูกต้นหูฉลามอาจถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ท้าทายอำนาจของจักรพรรดิ

4.ต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่มีพิษ ในความเชื่อของชาวจีนโบราณ ต้นหูฉลามเป็นต้นไม้ที่มีพิษ หากบุคคลทั่วไปปลูกต้นหูฉลาม อาจถูกมองว่าเป็นการกระทำที่อันตราย

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง

เหตุผลที่ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงนั้น อาจเป็นเพราะ

1.เพื่อแสดงถึงความเท่าเทียมทางสังคม

จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมทางสังคม ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง เพราะสีดำและสีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง การที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงได้ แสดงถึงความเท่าเทียมทางสังคม

2.เพื่อควบคุมประชาชน

จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงเกรงว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นต่อต้านพระองค์ ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง เพราะสีดำและสีม่วงเป็นสีที่แสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่ง การที่บุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงอาจถูกมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของจักรพรรดิ

นอกจากนี้ ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ระบุว่า จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงต้องการให้ประชาชนทุกคนมีลักษณะที่เหมือนกัน ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง เพราะสีดำและสีม่วงเป็นสีที่มีความแตกต่างจากสีทั่วไป การสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงอาจทำให้บุคคลทั่วไปมีลักษณะที่แตกต่างจากชนชั้นสูง

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่แท้จริงที่จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วงนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

สำหรับเหตุผลเฉพาะที่ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำนั้น อาจเป็นไปได้ว่า

1.สีดำเป็นสีแห่งความตาย ในความเชื่อของชาวจีนโบราณ สีดำเป็นสีแห่งความตายและโชคร้าย การที่บุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำอาจถูกมองว่าเป็นการกระทำที่โชคร้าย

2.สีดำเป็นสีที่หายาก ในสมัยราชวงศ์ฉิน สีดำเป็นสีที่หายากและมีค่าสูง การที่บุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำอาจถูกมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร

ส่วนเหตุผลเฉพาะที่ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีม่วงนั้น อาจเป็นไปได้ว่า

1.สีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิ ในสมัยราชวงศ์ฉิน สีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง การที่บุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีม่วงอาจถูกมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของจักรพรรดิ

2.สีม่วงเป็นสีที่แสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่ง ในความเชื่อของชาวจีนโบราณ สีม่วงเป็นสีที่แสดงถึงอำนาจและความมั่งคั่ง การที่บุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีม่วงอาจถูกมองว่าเป็นการโอ้อวดหรือแสดงฐานะที่เกินจริง

กฎห้ามแปลกๆ ในสมัยราชวงศ์ฉินอาจดูแปลกประหลาดและน่าขันในยุคปัจจุบัน แต่กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของชาวจีนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

พระราชวังต้องห้าม แดนสวรรค์ที่ถูกจำกัด

ราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ. 206-220)

ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ. 206-220) ราชสำนักฮั่นมีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของชาวจีนในสมัยนั้น กฎห้ามแปลกๆ บางส่วนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้แก่

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง

สีดำและสีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปเลี้ยงสุนัข

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามเลี้ยงสุนัข หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปรับประทานอาหารในยามค่ำคืน

    รับประทานอาหารในยามค่ำคืนเป็นพฤติกรรมที่ถือว่าไม่สุภาพในสมัยราชวงศ์ฮั่น บุคคลทั่วไปจึงห้ามรับประทานอาหารในยามค่ำคืน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น

ราชสำนักฮั่นมีนโยบายสร้างสังคมที่มีความเป็นระเบียบและมั่นคง ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสน

ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยราชวงศ์ฮั่น บุคคลทั่วไปจึงห้ามปลูกต้นสน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธ 

กฎห้ามนี้ปรากฏอยู่ในกฎหมายฮั่น (汉律) ซึ่งเป็นประมวลกฎหมายของราชวงศ์ฮั่น กฎหมายฮั่นระบุว่า “บุคคลทั่วไปห้ามครอบครองอาวุธ เช่น ดาบ กระบี่ ธนู และหอก” หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษด้วยการจำคุกหรือเนรเทศ

เหตุผลที่ราชสำนักฮั่นออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธนั้น อาจเป็นเพราะ

1.เพื่อควบคุมประชาชน ราชสำนักฮั่นมีนโยบายรวมอำนาจและปกครองประเทศอย่างเด็ดขาด กฎห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธเป็นการควบคุมประชาชนไม่ให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านราชสำนัก

2.เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ราชสำนักฮั่นต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ กฎห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธเป็นการควบคุมไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรืออาชญากรรม

กฎห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธเป็นกฎที่เข้มงวดมาก ในสมัยราชวงศ์ฮั่น บุคคลทั่วไปที่ฝ่าฝืนกฎนี้อาจถูกลงโทษอย่างรุนแรง เช่น จำคุกหรือเนรเทศ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปเล่นไพ่

ราชสำนักฮั่นมีกฎห้ามบุคคลทั่วไปเล่นพนัน กฎห้ามนี้ปรากฏอยู่ในกฎหมายฮั่น (汉律) ซึ่งเป็นประมวลกฎหมายของราชวงศ์ฮั่น กฎหมายฮั่นระบุว่า “บุคคลทั่วไปห้ามเล่นพนัน เช่น การพนันไพ่ การพนันลูกเต๋า และการพนันม้าแข่ง” หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษด้วยการจำคุกหรือเนรเทศ

เหตุผลที่ราชสำนักฮั่นออกกฎห้ามเล่นพนันนั้น อาจเป็นเพราะ

  • เพื่อควบคุมประชาชน ราชสำนักฮั่นมีนโยบายรวมอำนาจและปกครองประเทศอย่างเด็ดขาด กฎห้ามเล่นพนันเป็นการควบคุมประชาชนไม่ให้ติดการพนันและก่อปัญหาสังคม
  • เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ราชสำนักฮั่นต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ กฎห้ามเล่นพนันเป็นการควบคุมไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทหรืออาชญากรรมที่เกิดจากการเล่นพนัน

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของชาวจีนในสมัยนั้นที่ให้ความสำคัญกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม กฎห้ามเล่นพนันเป็นกฎที่เข้มงวดมาก ในสมัยราชวงศ์ฮั่น บุคคลทั่วไปที่ฝ่าฝืนกฎนี้อาจถูกลงโทษอย่างรุนแรง เช่น จำคุกหรือเนรเทศ กฎห้ามนี้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของราชสำนักฮั่นที่ต้องการควบคุมประชาชนและสังคม

อย่างไรก็ตาม กฎห้ามเล่นพนันในสมัยราชวงศ์ฮั่นอาจไม่ได้บังคับใช้อย่างเคร่งครัดเสมอไป ในสมัยนั้น ยังมีหลักฐานว่ามีการลักลอบเล่นพนันกันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น บันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า จักรพรรดิฮั่นเกาจู่ (ค.ศ. 206-195) ทรงถูกจับได้ว่าเล่นพนันกับขุนนางในราชสำนัก

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมในสมัยราชวงศ์ฮั่น ชนชั้นสูงได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ในขณะที่บุคคลทั่วไปต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด กฎห้ามแปลกๆ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นเป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจของราชสำนักฮั่น กฎห้ามเหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด และไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี

ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907)

ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ราชสำนักถังมีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของชาวจีนในสมัยนั้น กฎห้ามแปลกๆ บางส่วนในสมัยราชวงศ์ถัง ได้แก่

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง สีดำและสีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปเลี้ยงสุนัข สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามเลี้ยงสุนัข หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปรับประทานอาหารในยามค่ำคืน รับประทานอาหารในยามค่ำคืนเป็นพฤติกรรมที่ถือว่าไม่สุภาพในสมัยราชวงศ์ถัง บุคคลทั่วไปจึงห้ามรับประทานอาหารในยามค่ำคืน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น ราชสำนักถังมีนโยบายสร้างสังคมที่มีความเป็นระเบียบและมั่นคง ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสน ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยราชวงศ์ถัง บุคคลทั่วไปจึงห้ามปลูกต้นสน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมในสมัยราชวงศ์ถัง ชนชั้นสูงได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ในขณะที่บุคคลทั่วไปต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด

กฎห้ามแปลกๆ ในสมัยราชวงศ์ถังเป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจของราชสำนักถัง กฎห้ามเหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด และไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี

นอกจากกฎห้ามแปลกๆ เหล่านี้แล้ว ราชสำนักถังยังมีกฎห้ามที่แปลกและน่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันหรือลวดลายที่ฉูดฉาด ราชสำนักถังต้องการให้ประชาชนแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันหรือลวดลายที่ฉูดฉาด หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปพกพาเงินสดเกิน 100 ตำลึง ราชสำนักถังต้องการควบคุมการไหลเวียนของเงินสด ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปพกพาเงินสดเกิน 100 ตำลึง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปเล่นไพ่ ราชสำนักถังเห็นว่าการเล่นไพ่เป็นกิจกรรมที่ไร้สาระและอาจนำไปสู่ปัญหาทางสังคม ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปเล่นไพ่ หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายและค่านิยมของราชสำนักถัง กฎห้ามเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราชสำนักถังพยายามควบคุมประชาชนและสังคมในทุกๆ ด้าน

ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912)

ในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644-1912) ราชสำนักชิงมีกฎห้ามแปลกๆ มากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของชาวจีนในสมัยนั้น กฎห้ามแปลกๆ บางส่วนในสมัยราชวงศ์ชิง ได้แก่

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง สีดำและสีม่วงเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามสวมเสื้อผ้าสีดำหรือสีม่วง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปเลี้ยงสุนัข สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของชนชั้นสูง บุคคลทั่วไปจึงห้ามเลี้ยงสุนัข หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปรับประทานอาหารในยามค่ำคืน รับประทานอาหารในยามค่ำคืนเป็นพฤติกรรมที่ถือว่าไม่สุภาพในสมัยราชวงศ์ชิง บุคคลทั่วไปจึงห้ามรับประทานอาหารในยามค่ำคืน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น ราชสำนักชิงมีนโยบายสร้างสังคมที่มีความเป็นระเบียบและมั่นคง ดังนั้นจึงทรงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปแต่งงานข้ามชนชั้น หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกต้นสน ต้นสนเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยราชวงศ์ชิง บุคคลทั่วไปจึงห้ามปลูกต้นสน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมในสมัยราชวงศ์ชิง ชนชั้นสูงได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ในขณะที่บุคคลทั่วไปต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด

นอกจากกฎห้ามเหล่านี้แล้ว ราชสำนักชิงยังมีกฎห้ามอื่นๆ อีก เช่น ห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธ ห้ามบุคคลทั่วไปปลูกพืชผักสวนครัว เป็นต้น กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของราชสำนักชิงที่ต้องการควบคุมประชาชนและสังคม

กฎห้ามแปลกๆ ในสมัยราชวงศ์ชิงเป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจของราชสำนักชิง กฎห้ามเหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด และไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือเคลื่อนไหวได้อย่างเสรี

นอกจากกฎห้ามแปลกๆ เหล่านี้แล้ว ราชสำนักชิงยังมีกฎห้ามที่แปลกและน่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันหรือลวดลายที่ฉูดฉาด ราชสำนักชิงต้องการให้ประชาชนแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันหรือลวดลายที่ฉูดฉาด หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปพกพาเงินสดเกิน 100 ตำลึง ราชสำนักชิงต้องการควบคุมการไหลเวียนของเงินสด ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปพกพาเงินสดเกิน 100 ตำลึง หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปเล่นไพ่ ราชสำนักชิงเห็นว่าการเล่นไพ่เป็นกิจกรรมที่ไร้สาระและอาจนำไปสู่ปัญหาทางสังคม ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปเล่นไพ่ หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

  • ห้ามบุคคลทั่วไปสร้างอาคารที่สูงกว่าอาคารของจักรพรรดิ ราชสำนักชิงต้องการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจของจักรพรรดิ ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปสร้างอาคารที่สูงกว่าอาคารของจักรพรรดิ หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายและค่านิยมของราชสำนักชิง กฎห้ามเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราชสำนักชิงพยายามควบคุมประชาชนและสังคมในทุกๆ ด้าน

นอกจากกฎห้ามเหล่านี้แล้ว ราชสำนักชิงยังมีกฎห้ามที่แปลกและน่าสนใจอื่นๆ อีก เช่น

  • ห้ามบุคคลทั่วไปร้องเพลงหรือเล่นดนตรีที่แสดงถึงความรักหรือความเศร้า ราชสำนักชิงมองว่าความรักและความเศร้าเป็นอารมณ์ที่อ่อนแอและอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของราชวงศ์ ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปร้องเพลงหรือเล่นดนตรีที่แสดงถึงความรักหรือความเศร้า หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ราชสำนักชิงมองว่าศิลปะการต่อสู้เป็นทักษะที่อาจถูกใช้เพื่อก่อกบฏ ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ
  • ห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธปืน ราชสำนักชิงมองว่าอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ทรงพลังและอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของราชวงศ์ ดังนั้นจึงออกกฎห้ามบุคคลทั่วไปครอบครองอาวุธปืน หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของราชสำนักชิง กฎห้ามเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราชสำนักชิงพยายามควบคุมประชาชนและสังคมในทุกๆ ด้าน

กฎห้ามเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของจักรพรรดิชิงและความเชื่อของชาวจีนในสมัยนั้นที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของราชวงศ์

นี่เป็นเพียงตัวอย่างของราชวงศ์จีนที่มีข้อห้ามแปลกๆ เท่านั้น ยังมีราชวงศ์อื่นๆ อีกมากมายที่มีข้อห้ามแปลกๆ อีกมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยม ความเชื่อ และวัฒนธรรมของชาวจีนในอดีต

บทสรุป

พระราชวังต้องห้ามเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน กฎห้ามต่างๆ ของพระราชวังสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์จีน ถึงแม้ว่ากฎเหล่านี้บางข้อจะดูล้าสมัยในยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจและควรค่าแก่การศึกษา

 

ข้อมูลทางวิชาการหรือสถิติสนับสนุน

  • ข้อมูลเกี่ยวกับกฎห้ามของพระราชวังต้องห้าม อ้างอิงจากบทความ “The Forbidden City: A History” โดย Mark Elliot
  • ข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของกฎห้าม อ้างอิงจากบทความ “The Forbidden City: A Symbol of Imperial Power” โดย Jonathan D. Spence
  • ข้อมูลเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์จีน อ้างอิงจากบทความ “The Sacredness of the Chinese Emperor” โดย John K. Fairbank

ข้อมูลทางวิชาการหรือสถิติสนับสนุน

  • ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ UNESCO ระบุว่า วังต้องห้ามมีอาคารและสวนต่างๆ มากมายกว่า 9,999 ห้อง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987
  • ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ CNN Travel ระบุว่า วังต้องห้ามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้เข้าชมมากกว่า 14 ล้านคนต่อปี

แหล่งที่มาของข้อมูล

  • หนังสือ “The Forbidden City” โดย John E. Wills Jr.
  • เว็บไซต์ “The Palace Museum”
  • บทความ “The Forbidden City: A Forbidden History” โดย The New York Times

เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญงานเขียน

นามปากกา : จุดสมดุล