เพราะการระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้โลกของเราจำต้องเกิด ชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal ขึ้น การใช้ชีวิตบนวิถีใหม่ที่จะต้องปกป้องตัวเองและผู้อื่นมากขึ้นนี้ ย่อมทำให้ไลฟ์สไตล์หลาย ๆ อย่างที่เราคุ้นเคยและเคยทำกันมาต้องเปลี่ยนไปมากพอสมควรทีเดียว และเมื่อไลฟ์สไตล์คนต้องเปลี่ยน จึงส่งผลกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของการใช้ชีวิตที่จะต้องประคองกันไปกับสถานการณ์ไวรัสร้ายที่ยังคงอยู่ แล้วแบบนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างไรกันบ้าง เราคาดการณ์และขอนำมา Storytelling ให้ได้ทราบกัน
1.เทรนด์การพึ่งพาภายในประเทศ
New Normal ในเรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากทีเดียว และอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะที่ผ่านมาเกิดเกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 โลกก็มีการพูดถึงประเด็น “ลดการพึ่งพาจีน” ก่อนหน้านี้ที่เกิดภาวะสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ก็ทำให้หลายๆอย่างที่ต้องพึ่งพาจีนหรือผลิตที่จีนเกิดความสั่นคลอนอยู่ไม่น้อย ภาคธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิตต่างๆจึงเริ่มคิดถึงเรื่องการถอยมาพึ่งพาตนเอง ผลิตภายในประเทศมากขึ้น
แต่สิ่งที่เราอยาก Storytelling ให้ได้ทราบกัน เป็นเรื่องประเด็นการท่องเที่ยวของไทยเรามากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาก็ทราบกันดีว่า เราพึ่งพานักท่องเที่ยวจากจีนเยอะจริง ๆ ซึ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ไวรัสแบบนี้ นักท่องเที่ยวจีนหดหายไปโดยปริยาย ทำให้หลายคนเริ่มมองว่า โลกหลัง COVID-19 ต้องวางแผนกันใหม่ อย่าใช้การพึ่งพานอกประเทศเยอะนัก ต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายใน คือ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวจะเริ่มมองความสำคัญของนักท่องเที่ยวคนไทยเรามากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงมาดึงดูดคนไทยด้วยกันเองมากขึ้นนี้ จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นกว่าเดิม เทรนด์คนไทยเที่ยวไทยจะกลับมาอีกครั้ง แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ก็มีหลายปัจจัยที่ต้องรอดู
2.เทรนด์ดิจิทัลไอทีจะมีความชัดเจนมากขึ้น
สถานการณ์ไวรัสแบบบังคับให้เราต่างต้องลดการเผชิญหน้า ลดการพบปะ ลดการสัมผัส และเมื่อสถานการณ์ลากยาวไปเรื่อยๆแบบนี้ New Normal ในเรื่องการใช้ชีวิตแบบดิจิทัลออนไลน์จะชัดเจนขึ้นโดยปริยาย เพราะโลกออนไลน์ช่วยให้ยังคงสื่อสารกันได้ งานยังพอไปได้ แม้จะไม่สะดวกนัก แต่ก็ยังพอดำเนินต่อไปได้บางส่วน การเรียนการศึกษาก็ยังทำผ่านระบบออนไลน์ได้เช่นกัน และแน่นอนเราได้เห็นแล้วว่า การช้อปปิ้งออนไลน์ การสั่งอาคารแบบเดลิเวอรีบนมือถือบูมขึ้นทันทีในช่วงที่ผ่านมา สิ่งนี้จะกลายเป็นพฤติกรรมที่ติดไปกับพวกเราทุกคน อาจจะมีลดลงบ้าง แต่หลายๆ อย่างก็จะยังคงอยู่ ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจหลายๆสาขาถ้ากำลังมองการเปลี่ยนแปลงธุรกิจตนเองสู่การเป็นดิจิทัลออนไลน์ ก็ไม่ต้องลังเลที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มีโอกาสเป็นไปได้
ยกตัวอย่างเช่นใครที่กำลังลังเลว่าจะพัฒนาระบบธุรกิจของตนไปสู่การชำระเงินออนไลน์ดีไหม บอกเลยว่าลุยได้เต็มที่ เพราะเวลานี้คนเริ่มหันมาใช้การชำระผ่านออนไลน์และลดการใช้เงินสดบ้างแล้ว หรืออย่างบริษัทไหนอย่างทำระบบ AR ให้กับธุรกิจของตนเอง เพื่อประสบการณ์เสมือนจริงแบบไม่ต้องมาสัมผัสให้เสี่ยงไวรัสก็ทำได้เลย สิ่งเหล่านี้จะเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น และคุ้มค่าที่จะลงทุนแน่นอน เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคหลังจากนี้จะเปิดใจรับและเห็นคุณค่ามากขึ้น
3.การเกิดขึ้นของนิยามความสุขใหม่
ไลฟ์สไตล์ที่ดี อาจไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตนอกบ้านอีกแล้วก็ได้ New Normal ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นไปได้ว่า คนจะนิยามความสุขกันใหม่ ไม่จำเป็นต้องไปสนุกนอกบ้าน แต่คนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบมีความสุขในบ้านของตนเอง เพราะจำเป็นที่จะต้องรักษาระยะห่าง การใช้ชีวิตนอกบ้านเกิดความไม่สะดวกหลายๆอย่างทำให้ความสุขลดน้อยลง แบบสุขไม่สุด จึงทำให้คนเลือกที่จะกลับมาสนุกแบบเป็นตัวของตัวเองในบ้านและที่พักอาศัยมากขึ้น คนจะเริ่มมองว่า “Personal Space” หรือพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้น แม้ว่าหลายๆครอบครัวอาจจะหาพื้นที่ส่วนตัวไม่ได้ก็ตาม แต่คนก็เริ่มมองว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องมี พฤติกรรมของคนจะเริ่มหาพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองมากขึ้น
New Normal ที่เรานำมา Storytelling ให้ทราบกันในครั้งนี้ เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ไม่ใช่การฟันธงว่าจะเกิดขึ้นจริงทั้งหมด เพราะในเมื่อสถานการณ์ไวรัสยังไม่หมดไป อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งมนุษย์เรามีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงไม่มีอะไรที่จะแน่นอน 100% แต่อย่างน้อยๆสิ่งเหล่านี้ก็อาจจะพอเป็นทิศทางให้คนทำธุรกิจคาดการณ์หรือวางแผนในการเดินไปข้างหน้าอย่างถูกต้องมั่นใจได้มากขึ้น เพราะการรู้เทรนด์รู้พฤติกรรมผู้บริโภคจะช่วยทำให้ ธุรกิจสามารถผลิตสินค้าและบริการได้อย่างตอบโจทย์ผู้บริโภคและสังคมได้นั่นเอง
