เมื่อปรากฎการณ์ digital disruption ได้เข้ากระหน่ำโลกธุรกิจในทุกรูปแบบ แวดวงค้าปลีกของไทยในช่วงที่ผ่านมาจึงเจอแต่การเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างหนัก ผู้ประกอบการหลายรายพยายามหาวิธีการสร้างจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ด้วยการ Storytelling เล่าเรื่องแบรนด์ตัวเองหรือสินค้าต่างๆที่ตัวเองจำหน่าย ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่ามีส่วนช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนมาได้จนถึงตอนนี้ โดยสิ่งที่น่าจับตามองต่อไปก็คือ ในปี 2020 นี้ เทรนด์ค้าปลีกจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักแค่ไหน ตลาดอีคอมเมิร์ชในไทยเราจะมีโอกาสโตอีกในแง่มุมไหนบ้าง มาติดตามกัน

ตลาดอีคอมเมิร์ช 2020 ไม่ได้แข่งกันที่ราคา แต่อยู่ที่ว่าใคร Storytelling ได้ดี

ในปี 2020 นี้เรื่องของ Big Data จะถูกนำมาใช้กับธุรกิจค้าปลีกใหญ่ๆมากขึ้น ในส่วนของอีคอมเมิร์ชที่เป็น SMEs นั้นอาจไม่ถึงขั้นใช้ Big Data แต่ก็มีการใช้ข้อมูลเข้ามาช่วยในการแข่งขันมากขึ้นด้วย ปัจจัยที่สำคัญมากในการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกทั้งรายใหญ่และรายย่อยก็คือ การเขียนเรื่องเล่าสินค้า หรือการ Storytelling แบรนด์และสินค้าของตนเอง การเขียนเรื่องเล่าสินค้าแล้วกระจายข้อมูลออกไปถึงผู้บริโภค จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกทั้งรายใหญ่และรายย่อยสามารถรับรู้ Feedback ของผู้บริโภคที่กลับมา การ Storytelling จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับการช้อปปิ้งออนไลน์ของลูกค้า และจะกลายเป็น Engagement ที่ทำให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงข้อมูลของลูกค้าได้ชัดเจนมากขึ้น

ใคร Storytelling ได้ดี คนนั้นก็จะยิ่งมีข้อมูลของลูกค้าอยู่ในมือมากขึ้น และใครที่มีข้อมูลของลูกค้าอยู่ในมือเยอะที่สุดก็จะสามารถพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทยได้ลึกซึ้ง และจะสามารถดึงนักช้อปคนไทยให้เข้ามาจับจ่ายได้มากที่สุดนั่นเอง

ซื้อแบบไม่คิด (Impulse buying) จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการ Storytelling

ปี 2020 เป็นปีที่เศรษฐกิจในภาพรวมทั้งโลกยังอยู่ในภาวะที่น่าหวั่นไหว และมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟุบพอสมควร ดังนั้นพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทยจะไม่ใช้จ่ายง่ายๆผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทราบดี จึงคาดการณ์กันว่าผู้ประกอบการจะเน้นเทคนิคการเขียนเรื่องเล่าสินค้าให้ชัดเจนและน่าสนใจขึ้น และจะทำให้เกิดการบอกต่อ ซึ่งเทคนิคการ Storytelling นี้จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกเกิดความสนใจและเป็นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการช้อปปิ้งขึ้น จะมากจะน้อยอย่างไรก็ตาม ก็จะมีการจับจ่ายเกิดขึ้นและทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนอยู่ในวงจรระดับหนึ่ง

Shoppertainment ใช้ความบันเทิงกระตุ้นการขาย

เมื่อคนชอบความบันเทิงผู้ประกอบการ ก็จะเริ่มเก็บข้อมูลว่าลูกค้าชอบความบันเทิงแบบไหน และก็จะทำการ Storytelling คอนเทนต์ความบันเทิงออกไปพร้อมๆกับการขายสินค้า นั่นคือการจับเอาเนื้อหาที่สนุกสนานบันเทิงมาผสมผสานให้ลงตัวเข้ากับการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งโดยตัวคอนเทนต์บันเทิงนั้นก็จูงใจผู้คนได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่คราวนี้ผู้ประกอบการจะใช้ความบันเทิงควบคู่ไปกับการขาย ทำให้การช้อปปิ้งกลายเป็นความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง หรือ กลายเป็นประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ของผู้บริโภคกันเลย

ยกตัวอย่าง ช้อปเปอร์เทนเม้นต์ ที่ชัดเจนมากๆในปีที่แล้วก็คือ Lazada ได้ออกแคมเปญโฆษณา “Go Where Your Heart Beats” แปลเป็นไทยก็คือ “มีทุกสิ่งที่ใจค้นหา” ทำเป็นภาพยนตร์โฆษณาโดยใช้เทคนิคสร้างโฆษณาแบบ Storytelling เล่าเรื่องการเดินทางของคน 3 คน ที่พยายามเดินตามหาความต้องการที่แท้จริงในหัวใจของตนเอง ซึ่งภาพยนตร์โฆษณานี้ก็กลายเป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่ทำให้เกิดการช้อปปิ้งอย่างต่อเนื่องมากขึ้น

ซึ่งสรุปโดยภาพรวมแล้ว เทรนด์ค้าปลีก 2020 นี้จะเน้นไปที่การสื่อสารทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากกว่าเรื่องของราคา และปัจจัยที่สำคัญมากและอาจจะเรียกว่าเป็นเทคนิคที่จะนำไปต่อยอดได้ก็คือ Storytelling การเขียนและสร้างเรื่องเล่าให้กับแบรนด์และสินค้า เพราะการที่แบรนด์และสินค้ามีเรื่องให้เล่า ก็เท่ากับว่ามีอะไรที่จะทำให้คนบอกต่อ มีจุดที่จะทำให้คนนึกถึงและจดจำ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดทั้งข้อมูลรับเข้าและข้อมูลที่จะเผยแพร่ออกไป นี่จึงเป็นภาพรวมใหญ่ของหน้าตาการค้าปลีกในปีนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี