คุณรู้หรือไม่ว่า มีการศึกษาด้านจิตวิทยาของมนุษย์พบว่า ในวันหนึ่งๆมนุษย์เราสามารถฝันกลางวันไปได้ถึง 2,000 เรื่อง ซึ่งเฉลี่ยออกมาแล้วเท่ากับ 14 วินาทีต่อ 1 เรื่องและคิดเป็น 100เรื่องใน 1ชั่วโมง โอ้โห ไม่น่าเชื่อเลยว่าไหม แต่นี่คือความจริง เราฝันทั้งๆที่เรายังตื่นอยู่ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า สมองของมนุษย์เราเชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียกว่า Storytelling อยู่เสมอ
สมองมนุษย์พร้อมเปิดรับเรื่องราว
Storytelling คือ การเล่าเรื่อง ซึ่งการที่จะเล่าเรื่องใดๆในโลกนี้ก็ตาม ก็จะต้องมีการผูกโยงเรื่องราวต่างๆเข้ามาเชื่อมโยงกัน เรื่องราวนั้นๆอาจเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว หรืออาจไม่เกี่ยวข้องกันในตอนแรก แต่มีบางจุดที่มาเชื่อมโยงกันในตอนหลังก็เป็นไปได้ ซึ่งจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาและสมอง พบว่า สมองของมนุษย์เรานั้นยินดีและพร้อมที่จะรับเรื่องราวที่ผูกเชื่อมโยงกันเป็น Story อยู่โดยตลอดเวลา ลองสังเกตตัวคุณเองดูก็ได้ วันนี้เรารับข่าวสารอะไรไปบ้าง ทำไมเราต้องดูข่าวอ่านข่าว เสพข่าว เพราะข่าวทุกข่าวก็ล้วนเป็นเรื่องราวที่ผูกโยงกัน มีที่มาที่ไป ว่าใคร ทำอะไรที่ไหนอย่างไร
ทำไมเราต้องดูหนังดูละคร เพราะหนังละครก็คือ การเล่าเรื่องหรือการ Storytelling ที่ชัดเจนที่สุดนั่นเอง ซึ่งยิ่งผูกเป็นเรื่องเป็นราว มีที่มาที่ไป มีการเคลื่อนไหวเรื่องที่ดูหวือหวาตื่นเต้น หรือกระชากอารมณ์ จิตใจและสมองของเรายิ่งเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องราวต่างๆเหล่านั้นง่ายขึ้นไปอีก
เราถูกโน้มน้าวด้วยการเล่าเรื่องทุกวัน
ในทุกวันนี้คุณจะพบว่า ในทุกวงการจะมีการใช้เทคนิค Storytelling หรือ การเล่าเรื่องนี้กันมากขึ้น ที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดเลยก็คือ วงการโฆษณา และวงการข่าว การทำโฆษณาที่เป็นคลิปสั้นๆทุกวันนี้ มีการเล่าเรื่องในตัวเองทั้งสิ้น บางโฆษณาเล่าเรื่องได้ตรึงใจผู้ชมมาก อาจมีทั้งที่ชวนให้ฉุกคิด มีแบบเศร้า มีแบบตลก เรียกว่ามาทุกอารมณ์เลย เพื่อให้ผู้ชมโฆษณาสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ และรู้สึกคล้อยตามไปกับโฆษณาได้ง่าย และในที่สุดก็เกิดจำได้ว่าโฆษณานั้นต้องการจะสื่ออะไรและขายสินค้าใด
อีกหนึ่งวงการที่เห็นชัดมากก็คือ วงการสื่อสารมวลชน หรือวงการข่าวนั่นเอง ปัจจุบันเทรนด์ของการ “เล่าข่าว” เกิดขึ้นทั่วไปหมดทุกช่องทีวี สำนักข่าวไหนๆถ้ามีช่องทางเผยแพร่ก็จะมีใช้เทคนิคเล่าเรื่องมาใช้กับข่าวสารต่างๆตลอดจนเกิดเป็นการเล่าข่าวอย่างที่เราเห็นกันทุกเช้าค่ำ ทำไมต้องเล่าข่าว ก็เพราะการอ่านข่าวเฉยๆ มันไม่เร้าใจอีกแล้ว ทำให้ข่าวสารดูไม่น่าติดตามหรือไม่น่าตื่นเต้น การอ่านข่าวธรรมดา ไม่สามารถทำให้ผู้ชมอินไปกับข่าวได้ แต่ถ้าใช้เป็นการเล่าข่าว นำข่าวมาเล่าใหม่ ใส่น้ำเสียงลีลาผสานความคิดเห็นส่วนตัวเล็กๆของผู้ประกาศลงไปด้วยก็ยิ่งทำให้ข่าวนั้นดูน่าสนใจ ประเด็นน่าติดตามมากขึ้น
หนึ่งความคิดของคุณคือหนึ่ง Story
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ใน 1 ความคิดที่เกิดขึ้นภายในสมองของเราก็ถือเป็นหนึ่งเรื่องเล่าหรือ 1 Story แล้ว เพียงแต่ว่าในความคิดที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ยังไม่ได้ถูกนำมาเรียบเรียงให้เข้ารูปเข้ารอยและเชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกันเท่านั้นเอง และความคิดไหนที่เกิดขึ้นมาลอยๆแบบใจเราไม่ได้จดจ่ออยู่กับมัน เราก็จะปล่อยมันลอยผ่านไป นั่นคือเราจะลืม แต่ถ้าความคิดไหนเกิดขึ้น เราจดจ่อ คำอธิบายจะเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเริ่มมีคำอธิบาย สมองก็จะเริ่มร้องเรียงเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรับรู้ของสมองพบว่า สมองของมนุษย์เรานั้น สามารถรับข้อมูลต่อวันได้มากถึง 60,000 – 70,000 เลยทีเดียว ฉะนั้น ชีวิตของเราผูกพันอยู่กับเรื่องเล่าที่เป็น Story ต่างๆอยู่ตลอดเวลาเลยนั่นเอง
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คงจะพอทำให้คุณเห็นแล้วว่า การ Storytelling หรือ การเล่าเรื่องนี้มีความผูกพันอยู่กับเรา มากจริงๆไม่เพียงผูกพันใกล้ชิดอยู่กับเราเท่านั้น ยังมีอิทธิพลต่อการคิดและตัดสินใจของเราด้วย คำถามก็คือแล้วทำไมเราถึงไม่ลองใช้ประโยชน์จากการเล่าเรื่องแบบนี้ดูล่ะ ถ้าคุณอยากจะจูงใจใครสักคนในเรื่องใดๆก็ตาม น่าจะลองโน้มน้าวเขาด้วย Storytelling ดูบ้าง เชื่อสิว่าเขาจะตัดสินใจในสิ่งที่คุณคิดไว้ง่ายอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลย