เป็นที่ทราบกันดีว่าแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple จะขยับตัวทำอะไรสักทีก็มักจะต้องมีอะไรที่ ว้าว ได้เสมอ จะมากหรือน้อยก็ว่ากันไป และแบรนด์นี้มักมีการเล่าเรื่องของตนเองที่ดีเสมอ ล่าสุดกับการเปิดตัว iPhone 12 เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมาและกำลังจะเข้าวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทาง Apple ก็มีคลิป VDO เปิดตัวแบบ Storytelling ที่ชูจุดขายผลิตภัณฑ์ตนเองได้อย่างน่าสนใจเช่นเคย
Make movies like the movie
สำหรับคอนเซ็ปต์การเปิดตัว iPhone 12 ในครั้งนี้ ก็คือ “Make movies like the movie” หรือ สร้างหนังให้เหมือนการทำภาพยนตร์ ซึ่งแค่คอนเซ็ปต์ก็เป็นการเล่าเรื่องชูจุดขายของผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่แล้วว่า iPhone 12 จะมีความโดดเด่นในเรื่องของการถ่าย VDO คุณภาพสูงซึ่งจากรุ่นที่ผ่าน ๆ มาก็ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จะเหนือระดับขึ้นไปอีก โดยในคลิปโปรโมท iPhone 12 ที่ทาง Apple ปล่อยออกมานั้น เป็นการโปรโมทด้วยวิธีการ Storytelling ด้วยภาพที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้จะถ่าย VDO ได้เหนือระดับขึ้นไปอีก ซึ่งให้คุณภาพระดับเดียวกันเหมือนกับการถ่ายภาพยนตร์เลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันก็ยัง สะท้อนออกไปด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาจะทำให้การถ่ายภาพเคลื่อนแบบธรรมดากลายเป็นงานที่อลังการได้แบบง่าย ๆ ซึ่งจะเห็นว่าในคลิปโปรโมท iPhone 12 นี้ แทบไม่ต้องมีการบรรยายอะไรใด ๆ พวกเขาปล่อยให้ตัวคลิป เล่าเรื่องชูจุดเด่นออกไปเองแบบธรรมชาติ
เปิดตัวได้น่าประทับใจ เพราะมีการสื่อสารที่ดี
สิ่งที่อยากจะชวนให้สังเกตก็คือ Apple ให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับลูกค้าเสมอ พวกเขาอยากนำเสนอว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้มีอะไรดี มีแง่มุมไหนที่เป็นจุดเด่น พวกเขาก็มักเลือกที่จะมีลีลาในการสื่อสาร โดยมักจะแสดงออกมาในลักษณะการ Storytelling เป็นเรื่องราวในแบบต่าง ๆ อุปกรณ์จะมีอะไรพิเศษบาง เขาก็จะมีวิธี Storytelling ออกมาในแบบฉบับบที่ไม่ต้องตีความ เพราะเห็นก็เข้าใจได้ในทันที เรียกว่าสื่อสารได้เคลียร์แบบไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมายเลย
ซึ่งถ้าเรามาสังเกตดูแบรนด์เทคโนโลยีอื่น ๆ ในตลาดกลุ่มเดียวกัน การสื่อสารแบบ Storytelling ถือว่าเป็นรองค่าย Apple มากพอสมควร เพราะบางค่ายใส่ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมาให้ผู้ใช้งาน แต่บางทีก็ต้องมานั่งอธิบายกันอีกทีว่า ฟีเจอร์นั้นคืออะไร ใส่มาทำไม และผู้ใช้จะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนั้น เพราะตอนเปิดตัวในตอนแรกบอกผู้ใช้งานแค่ Spec สินค้าอย่างเดียว โดยลืมไปว่าผู้ใช้งานบางคนก็ไม่ได้เข้าใจศัพท์ทางเทคโนโลยีสักเท่าไหร่ ทำให้ไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ให้มาเพิ่มนั้นใช้ทำอะไรได้บ้าง
การสื่อสารถือเป็นหัวใจสำคัญที่มีผลต่อยอดขาย
เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว จะเห็นว่า Apple มีการ Storytelling สื่อสารและชูจุดขายของตนเองได้เก่งมาก ซึ่งนั่นทำให้แม้จะไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรที่ว้าวหรือพลิกโลกจากค่ายของเขาอีกแล้ว แต่ก็ยังทำให้คนสนใจและหันมาซื้อสินค้าจากแบรนด์ของเขาได้อยู่เสมอ แต่สำหรับแบรนด์คู่แข่งต่าง ๆ นั้น ต่างกันไป เพราะเมื่อไม่มีการสื่อสารที่ดี ทำให้คนจะซื้อมาใช้ก็เริ่มลังเล ไม่รู้ว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยอะไรได้ ซื้อมาแล้วจะคุ้มใหม่ เพราะบางทีฟีเจอร์ใหม่นั้นก็ไม่เคยใช้เลย ทำให้คนเปลี่ยนใจไม่ซื้อได้เหมือนกัน
ตรงนี้คุณจะพบว่าการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การสื่อสารจะต้องง่าย สามารถบอกทุกอย่างได้เคลียร์ด้วยถึงจะดีมาก และการ Storytelling นั้นถือเป็นวิธีที่ช่วยทำให้เรื่องยาก ๆ ดูง่ายขึ้น ทำเรื่องที่ง่ายอยู่แล้วให้ดูน่าสนใจขึ้นได้ เรียกว่าเทคนิคนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Apple ไม่เคยทิ้งและใช้มาตลอดเวลา มีตัวอย่างจากแบรนด์ชั้นนำแล้วแบบนี้ แบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มากขึ้นอีกสักหน่อยแล้วล่ะ