ไม่รู้คุณเคยตั้งคำถามนี้กันบ้างไหมว่า เหตุใดโลกดูหมุนเร็วกว่าเดิม ? ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วในแบบที่เราแทบตั้งตัวไม่ติด เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความคิดความรู้สึกคนกันแบบวันต่อวัน ข่าวสารความเคลื่อนไหวบนโลกใบใหญ่ถูกส่งถึงกันแบบนาทีต่อนาที ทุกอย่างก้าวไปเร็วแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่ลูกค้าของเราจะเปลี่ยนเร็วเช่นกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะอะไรแน่ วันนี้เราจะมา Story Telling ให้ได้ทราบกัน
เทคโนโลยีดิจิทัล Disrupt ได้แม้แต่พฤติกรรมของคน
การที่ space และ time ถูกย่นระยะทางให้สั้นลง และลดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อในวันนี้ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญเลยก็คือ เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน สิ่งเหล่านี้ได้ทลายโลกที่เคยมีกำแพงกั้นให้กลายเป็นโลกที่ไร้พรมแดนได้อย่างที่ไม่มีใครคาดถึง ยกตัวอย่างเช่น หากวันนี้คุณต้องการรู้ว่ากรุงเทพกับปารีสอยู่ห่างกันแค่ไหน ในสมัยก่อนอาจจะต้องไปห้องสมุดหาหนังสือมานั่งอ่าน แต่เดี๋ยวนี้เปิด Google ดูได้เลย ที่ล้ำไปกว่านั้น เราไม่ต้องไปปารีสด้วยตัวเองวันนี้ เราก็สามารถท่องโลกผ่านเทคโนโลยี virtual reality tours ได้เลย แถมมีคนมาบรรยายเล่าเรื่องให้เราทราบด้วยว่าอะไรคืออะไร เรียกว่ามีวิทยากรส่วนตัวที่จะคอย Story Telling สาระต่าง ๆ ให้เรารับรู้แบบครบถ้วนเลยทีเดียว
การติดต่อสื่อสารทุกอย่างในวันนี้ก็ทำได้แบบเรียลไทม์ แบบกระทั่งการซื้อของช้อปปิ้งก็อยู่บนออนไลน์ สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในสมัยก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา อยากจะได้อะไรทีก็จะต้องหาเวลาไปดูและเลือกซื้อเองที่ห้างหรือทีร้าน วันนี้เปิด Facebook ขึ้นมาเจอคนไลฟ์ขายของอยากได้ แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคือนตีหนึ่งก็สั่งซื้อได้ทันที เทคโนโลยีทำให้พฤติกรรมของคนกว่า 7 พันล้านคน กลายเป็นสิ่งเดียวกัน มีความเหมือนกันในหลาย ๆ มิติ จึงไม่แปลกเลยที่จะทำให้ลูกค้าเราพร้อมจะเปลี่ยนใจจากเราทุกเสี้ยวนาที
Digital Disruption คลื่นพลังที่ทำให้ธุรกิจมีทั้งเรื่องบวกและลบ
เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ผู้คนมีงานมีอาชีพมีธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย จนเรียกได้ว่าวันนี้ เงินลอยอยู่ในอากาศ ใครจับตลาดได้ถูกต้อง หรือนำข้อมูลที่ล่องลอยอยู่นั้นมาเล่าเรื่องได้น่าสนใจ ทำเป็นคอนเทนต์ Story Telling ได้หลากหลาย ก็จะทำให้เกิดรายได้มหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบางธุรกิจที่มักรับหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ก็ถูกป่วนจนแทบจะไม่เป็นเหมือนกัน
สื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ นักการตลาด คนทำ Content Marketing เอเยนซี่ที่ถนัดเรื่องการทำโฆษณา Story Telling ในสาย Digital Marketing กลับกลายเป็นว่าถูก Disrupt จากเทคโนโลยีเองแบบไม่มีใครคาดถึง ใครที่เคยหากินกับ “ช่องว่าง” วันนี้ต่างกุมขมับ เพราะเทคโนโลยีทำให้ space ลดลง ใคร ๆ ก็เป็นสื่อได้ ใคร ๆ ก็ทำการตลาดแบบดิจิทัลได้ ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจที่เคยมีอำนาจและมีอิทธิพลตกที่นั่งลำบากไปเลย
การเข้ามาของเทคโนโลยีจึงมีทั้งด้านบวกและด้านลบในการทำธุรกิจ ลูกค้าผู้บริโภคมีความคิดและทัศนคติต่อบางธุรกิจดีขึ้น และ ก็อาจมีความรู้สึกต่อบางธุรกิจในลักษณะที่ด้อยค่าลงด้วย คำถามสำคัญก็คือ แล้วเราจะอยู่รอดอย่างไร ?
Data กุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้
ทุกพฤติกรรมการตัดสินใจ ทุกความคิดเห็นจากผู้บริโภคและลูกค้า ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี่เอง คือ Data สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราไขไปสู่ประตูถัดไป ที่เป็นพื้นที่ที่ทำให้ธุรกิจเราอยู่รอดต่อไป เพราะทุกความเห็น ทุกความรู้สึกที่ออกมาจากลูกค้าและผู้บริโภค จะทำให้คนทำธุรกิจสามารถรับรู้ได้ว่า พวกเขากำลังต้องการอะไร สนใจเรื่องอะไร เสมือนกับว่าพวกเขากำลัง Story Telling เรื่องสำคัญให้เราฟัง เราก็มีหน้าที่แค่ต้องรับฟังการเล่าเรื่องของพวกเขา จากนั้น ให้ลองนำเรื่องเล่านั้นมาปรับกับธุรกิจให้เกิดรูปธรรม เพื่อสร้าง Customer Experience หรือประสบการณ์ที่ดีที่ตรงใจพวกเขานั่นเอง
ในขณะเดียวกัน คนทำธุรกิจเองก็ควรจะต้องหาเรื่องราวของตนเองมา Story Telling ให้ผู้บริโภคและลูกค้าได้รับฟังบ้าง เสมือนเป็นการคืนกำไรให้พวกเขา ซึ่งนั่นก็คือ กลยุทธ์ Content Marketing นั่นเอง ไม่ใช่เพียงทำเอาไว้ แต่ในวันนี้จำเป็นจะต้องเล่าเรื่องอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจ มีประโยชน์ต่อพวกเขาบ้างในแง่ใดแง่หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องจริงจัง อาจจะเป็นการ Story Telling เรื่องเบา ๆ ที่ทำให้คนรู้สึกสนุกสนาน บันเทิง หรือขำขันก็ได้ วิธีนี้ก็เป็นหนึ่งช่องทางที่จะทำให้เรามีตัวตนและสามารถอยู่รอดบนโลกที่เปลี่ยนเร็วเช่นนี้ได้
ทุกสิ่งในโลกจริง ๆ ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปหรอก เพราะกฎพื้นฐานของโลกนี้ไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งกฎพื้นฐานนั้นมีอยู่ว่า ทุกสิ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ในท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร เปลี่ยนเร็วแค่ไหน หน้าที่ของเราทุกคนก็คือต้องปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้ ซึ่งใครปรับตัวไปกับกระแสที่เปลี่ยนไปได้เร็วที่สุดก็ย่อมจะอยู่รอดได้ก่อน เพราะผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงก่อนเราก็คือ ลูกค้าของเรา ลองฟังลูกค้า Story Telling บ้าง แล้วคุณจะปรับตัวไปกับพวกเขาได้ทัน นั่นล่ะที่จะทำให้เราไม่เสียลูกค้าไป