วันนี้ผู้คนถูกป้อนด้วยข้อมูลข่าวสารจำนวนมากในแต่ละวัน จนแทบจะเรียกว่าเป็นการยัดเยียดข้อมูลให้กับเรากันเลยล่ะครับ คุณคิดแบบนั้นไหม มีเรื่องให้เราอ่านเป็นพันๆ มีคอนเทนต์ให้เราดูเป็นร้อยๆ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เรากำลังอยู่ในยุคที่ “ใครๆก็ทำคอนเทนต์ได้” ดังนั้น การจะทำให้คอนเทนต์ที่คุณตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อธุรกิจที่น่าสนใจของคุณไปอยู่ในความสนใจของผู้คนในยุคนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เมื่อสิ่งที่เรียกว่าคอนเทนต์ถาโถมเข้ามาในโลกแบบทุกช่องทางและทุกช่วงเวลา จนทำให้เกิดคลื่นเนื้อหา หรือ เนื้อหาที่เป็นขยะเกิดขึ้นมากมายและกลายเป็นวิกฤตในสังคม เนื่องจากเนื้อหาเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อความคิดและสภาพจิตใจของพวกเราทุกคน ซึ่งมีคนนิยามภาวะวิกฤตนี้ว่า “คอนเทนต์ Tsunami”

 

เมื่อคอนเทนต์เกิดขึ้นได้ทุกที่ตลอดเวลา

social-media-marketing-campaigns

คำว่า Content แปลว่าสิ่งที่เป็นเนื้อหา ฉะนั้น คอนเทนต์จะเป็นอะไรก็ได้ครับ ไม่ได้จำกัดอยู่ตัวอักษร อาจจะเป็นภาพ เป็นคลิป VDO หรือจะเป็นคลิปเสียงPodcast ก็ได้ซึ่งปัจจุบันมีโปรแกรม มีแอปฯ และเครื่องมือรวมถึงข้อมูลมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวก ใครก็หยิบจับมาทำคอนเทนต์ส่วนตัวหรือพรีเซ็นต์ธุรกิจที่น่าสนใจของตนเองได้

นั่นจึงทำให้วันนี้การโฆษณาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และดำรงอยู่รอบตัวเราเสมอ ใครที่จะทำธุรกิจส่วนตัว และกำลังเริ่มสร้างแบรนด์ธุรกิจ ก็จะเริ่มมองหากลยุทธ์การตลาด ช่องทางการขาย และวิธีการโฆษณาโปรโมทแบรนด์ สินค้าตนเอง หรือแม้กระทั่งความสามารถของตนเอง ซึ่งปัจจุบันก็เทความนิยมไปสู่โลกออนไลน์กันหมด นั่นทำให้เกิดเว็บไซต์ขึ้นมากมายจนเราไม่รู้ว่ามีเว็บไซต์นั้นๆอยู่ด้วยซ้ำ เพราะมันเยอะมาก เกิด Facebook Page ขึ้นมหาศาล มี Line@ เกิดขึ้นจนนับไม่ไหว ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทุกแพลตฟอร์มนำเนื้อหาหรือ คอนเทนต์ของตนเองมานำเสนอในทุกๆวัน วันละหลายๆคอนเทนต์ เพราะมีนักการตลาด และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแนะนำว่า การตลาดยุคนี้ “Content Marketing Work ที่สุด” นั่นจึงทำให้ทุกคนกระหน่ำทุกสิ่งอย่างที่เป็นข้อมูลเนื้อหา และเผยแพร่ออกไปในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อเก่าอย่างทีวี วิทยุ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ในทุกช่องทาง ทั้งบทความ VDO Podcast เรียกว่ามีช่องทางไหนแพลตฟอร์มไหนใช้ได้ ก็นำเนื้อหาที่ตนเองมีใส่เข้าไปให้หมด

จากจุดนี้เองจึงทำให้เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า “คอนเทนต์ Tsunami” อันเป็นนิยามของภาวะ “ข้อมูลล้นเกิน” คือมีเนื้อหาเยอะมากเกินกว่าผู้รับจะรับรู้ได้หมด ถ้าเทียบแค่ตัวเราคนเดียวก็เหมือนมีเนื้อหาเยอะจนสมองของเราไม่สามารถรับได้แล้วนั่นเอง นี่คือ ผลลัพธ์จากการที่ใครๆก็ทำคอนเทนต์ได้

 

เมื่อการโฆษณาล้นตลาดและเกินความจำเป็น

05172018-video-schema-01

กว่า 80 – 90% ของคอนเทนต์ที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตามล้วนเป็น “การโฆษณา” ทั้งสิ้น เนื้อหาเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่แฝงแนวคิดทางการตลาดเอาไว้ทั้งนั้น กลายเป็นว่าไม่ว่าคุณจะดูทีวี คุณก็จะพบว่าคอนเทนต์รายการที่คุณต้องการจะดู 1 ชั่วโมง จริงๆแล้วจะฉายเพียง 35 – 40 นาทีเท่านั้น ที่เหลือเป็นการโฆษณา เอ้า แบบนี้ย้ายไปดูใน YouTube ก็ได้ เปิดคลิปอยู่ดีๆก็มีการโฆษณาโผล่ขึ้นมาอีก จะหนีไปอ่านบทความก็ยังเจอโฆษณา ไม่ว่าทางไหนก็จะพบเจอแต่สิ่งที่เรียกว่าการโฆษณาเกิดขึ้นอยู่รอบตัว ซึ่งนั่นก็คือ Content Marketing ที่เกิดขึ้นและแฝงตัวอยู่กับเรา แต่ถ้ามีการทำ Content Marketing หรือการโฆษณาในแบบที่ยัดเยียดเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆจนล้นเกินความจำเป็น นั่นก็นำไปสู่การ “Unfollow” และการ “เลือก” ว่าเราจะต้องการข้อมูลคอนเทนต์จากใคร เพราะเราเริ่มรู้สึกรำคาญกับคอนเทนต์ที่เราไม่ต้องการ เราเริ่มรู้สึกไม่ Ok กับการเห็นการโฆษณามากมายแบบนี้ คนจึงเริ่มคัดกรองและคัดเลือกที่จะเสพคอนเทนต์ที่พวกเขาชอบจริงๆ นั่นจึงนำไปสู่คำถามถัดมาคือ คอนเทนต์ที่คุณนำเสนอนั้นเป็นคอนเทนต์ที่คนคัดออกหรือเป็นคอนเทนต์ที่คนเขาคัดเลือกเก็บเอาไว้

นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมโลก ไม่ว่าคุณจะอยู่ในแวดวงไหนก็ตาม คุณก็อยู่ท่ามกลางกระแสคลื่นสึนามิของข้อมูล อยู่กับการโฆษณาและคอนเทนต์ ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็น Content Marketing ที่ดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วท่ามกลาง “คอนเทนต์ Tsunami” แบบนี้คุณจะนำคอนเทนต์จากธุรกิจส่วนตัวของคุณไปเป็นสิ่งที่คนเลือกเก็บไว้ หรือเป็นสิ่งที่คนคัดทิ้งเพราะรำคาญ คุณก็คงต้องตัดสินใจเลือกให้ดีแล้วล่ะครับ