คุณดูนี่ โพสต์นี้ของผมยอด Like เกือบหมื่น ยอดแชร์ 500 กว่า แต่ทำไมยอดขายผมไม่มีเลยก็ไม่รู้
ใครที่ทำธุรกิจส่วนตัวในสายออนไลน์ และเลือกกลยุทธ์การตลาดแบบ Content Marketing มาใช้ เคยเจอสถานการณ์แบบนี้กันไหมครับ ผมเชื่อว่าใครที่ทำธุรกิจส่วนตัว หรือสร้างแบรนด์มาสักพักแล้วคงต้องเรื่องแบบนี้กันแน่ๆ เพราะปัญหานี้คือปัญหาอันดับต้นๆของคนทำธุรกิจออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เรียกว่าเป็นปัญหายอดฮิตของคนทำธุรกิจในยุค 4.0 นี่เลยทีเดียว นักการตลาดทั้งหลายต่างแนะนำว่า ยุคนี้คุณต้องทำการตลาดด้วย Content Marketing นะ คนทำธุรกิจก็เชื่อตาม ซึ่งถามว่ามันได้ผลไหม ตอบว่ามันได้ผลครับ ยอดไลค์ระดับนั้น บวกยอดแชร์มหาศาลบางธุรกิจมีบทความที่แชร์กันไปเป็นพันครั้งเลยทีเดียว แบบนี้จะเรียกว่าทำการตลาดคอนเทนต์แล้วไม่ได้ผลได้อย่างไรจริงไหมครับ แต่ทว่า…ยอดไลค์เพียบ ยอดแชร์กระหน่ำแบบนี้ ทำไมไร้ยอดขายล่ะ
“คุณค่า” คือ หัวใจสำคัญของ Content Marketing
อย่างที่ทราบกันยุคนี้ Content Marketing มาแรง ใครมีธุรกิจที่น่าสนใจอยากจะบอกต่ออย่างจะโปรโมทหรือทำการโฆษณา ก็จะเลือกใช้การทำคอนเทนต์และเผยแพร่ออกไปตามช่องทางต่างๆที่ตนเองถนัด แต่ที่ง่ายที่สุดและมีต้นทุนที่ถูกที่สุดเลยก็คือ การทำคอนเทนต์แบบบทความ ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคุณทำได้ คนอื่นก็ทำได้ การโฆษณาผ่านบทความ ผ่านคลิป VDO ก็เริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆและมากขึ้นทุกวัน จนเกิดภาวะ “คอนเทนต์ Tsunami” ซึ่งเป็นภาวะที่คอนเทนต์มันล้นตลาด มีมากเกินไปจนคนรับรู้สึกว่ามันเยอะไปและรับไม่ไหว สถานการณ์นี้บีบบังคับให้ผู้บริโภคต้องเลือกว่าจะทิ้งคอนเทนต์ไหน และจะเก็บอันไหนไว้ จะเลือกติดตามเพจไหนและจะ Unfollow เพจไหน คำถามก็คือ จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคเลือกเก็บคอนเทนต์ของเรา
ถ้าคุณต้องการให้คนเก็บคอนเทนต์ของคุณเอาไว้ ต้องการให้คนเลือกเสพเนื้อหาของคุณ การทำคอนเทนต์ให้มีคุณค่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนเข้าใจว่าเรากำลังสร้างแบรนด์ เรากำลังต้องการทำการตลาดให้กับธุรกิจส่วนตัวด้วยวิธีการใช้คอนเทนต์ในการเข้าช่วย จึงจำเป็นที่จะต้องโหมกระหน่ำเนื้อหาเข้าไปมากๆในทุกแพลตฟอร์ม ต้องมีบทความมากๆ ต้องมีคลิป VDO มากๆเข้าไว้จนได้แน่นๆคนจะได้หาเจอ แต่นั่นคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างถนัดเลยครับ สิ่งที่คุณเข้าใจและกำลังทำนั้น เป็นเรื่องของกลยุทธ์การตลาดแบบ SEO ไม่ใช่การทำ Content Marketing คุณกำลังผลิตเนื้อหามากๆแต่ไม่มีคุณภาพอยู่ เนื้อหาที่คุณสร้างขึ้นมาล้วนเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่า มันอาจจะมีคุณค่ากับธุรกิจส่วนตัวคุณ แต่มันไม่ได้มีคุณค่ากับคนอ่าน ผู้ชมหรือ ผู้บริโภคเลย จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคหรือผู้เสพคอนเทนต์จะคัดเอาเนื้อหาของคุณออก หรือ บล็อก Line และ Unfollow คุณในสื่อโซเชียล
แล้วคอนเทนต์ที่มีคุณค่าวัดกันจากตรงไหน
หลายคนคิดว่า คอนเทนต์ที่มีคนไลค์เยอะ คนแชร์เยอะ หรือ มี engagement เยอะๆ คือ คอนเทนต์ที่ดี แต่ในความเป็นจริงเปล่าเลยครับ ผมอยากให้คุณคิดแบบนี้นะครับ
“ยอดไลค์ ยอดแชร์ ไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินได้ ไม่ได้ทำให้ขายได้”
สถานการณ์ที่หนักหน่วง ที่ธุรกิจ SME หรือผู้ประกอบการทั่วไปต้องเจอกันในวันนี้คือ
มีแต่ยอดไลค์ แต่ไร้ยอดขาย มีตัวเลขแชร์สูง แต่ตัวเลขคนซื้อต่ำ
ผมอยากฝากข้อคิดให้คุณทั้งหลายเอาไปคิดเล่นๆกันนะครับว่า
“ถ้าคุณต้องการไปทำสินเชื่อเพื่อธุรกิจกับธนาคาร เนื่องจากต้องการจะนำเงินมาลงทุนกับธุรกิจส่วนตัวของคุณ ยอดไลค์ ยอดแชร์สามารถนำมาเป็นหลักประกันให้คุณกู้สินเชื่อผ่านได้ไหม”
คุณทำธุรกิจมาสักพัก แล้วต้องการที่จะประคองหรือขยายธุรกิจเพิ่ม เพจคุณอาจจะมีคนตาม 3 แสน ยอดแชร์ต่อโพสต์หลักพัน แต่มันไร้ความหมายถ้าคุณกู้ก็ไม่ผ่าน ขายของก็ไม่ได้จริงไหมครับ engagement และ ยอดไลค์ ยอดแชร์ เป็นเพียง feedback เท่านั้นครับ ที่จะทำให้คุณรู้ว่าสิ่งที่คุณทำ คนเขารู้สึกอย่างไร คุณสื่อสารไปแล้วมีคนเขาพูดคุยหรือโต้ตอบกลับอย่างไร แต่การโต้ตอบกลับมาบางทีมันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากได้หรือต้องการก็ได้ ลองทบทวนดูอีกครั้ง คุณทำ Content Marketing ทำไม ผมมีตัวเลือกให้ 2 ข้อครับ
1.อยากดัง อยากให้คนรู้จักคุณหรือธุรกิจของคุณ 2.อยากขายของ ของสินค้าให้ได้
ผมคาดว่าเกือบ 100% คงมีเป้าหมายอยู่ที่ข้อ 2 คือ ต้องการขายของให้ได้ นั่นคือเป้าหมายปลายทาง ทำคอนเทนต์มาทั้งหมดก็เพื่อให้ขายของได้ มียอดขายที่กระเตื้องขึ้น ฉะนั้น คอนเทนต์ที่มีคุณค่า คือ คอนเทนต์ที่ช่วยให้คุณขายของได้ และในขณะเดียวกันเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเขาอยากอ่าน อยากฟัง อยากดู อยากรับรู้พอดี ต้องหาสมดุลตรงนี้ให้เจอ อย่าทำเฉพาะคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคอยากได้ ต้องทำคอนเทนต์ที่เราขายได้ด้วยไปพร้อมๆกันครับ
คอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ คือ คอนเทนต์ที่ต้องดังใช่หรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยามหรือตั้งเป้าในใจสำหรับการทำContent Marketingเอาไว้อย่างไร ถ้าตั้งเป้าเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่า
คอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ คือ คอนเทนต์ที่ต้องดัง แบบนี้คุณจะต้องทำให้เนื้อหาที่คุณสร้างขึ้นมามี engagement เยอะ ยอดไลค์ ยอดแชร์สูง ซึ่งจริง ๆ แล้วคอนเทนต์แบบนี้ไม่ต้องพิถีพิถันในการสร้างอะไรเลย แค่คุณให้สาวสักคน มาแก้ผ้า โชว์อก โชว์ขา Live ลง Facebook สักหน่อยแค่นี้ก็ดังได้แล้ว ยอดไลค์เพียบรับรอง
แต่ถ้าคุณตั้งเป้าเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่า คอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ คือ คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์คุณ ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ นั่นคือ มันต้องช่วยให้คุณขายของได้ อันนี้บอกเลยว่า ลืมเรื่องยอดไลค์ ยอดแชร์สูงไปได้เลย เพราะมันไม่สำคัญ ตราบใดเนื้อหานั้นสามารถช่วยให้คุณขายของได้ มีเงินเข้ามา ใครจะไลค์หรือไม่ไลค์มันก็ไม่สำคัญแล้วจริงไหมครับ
แล้วจะทำคอนเทนต์ให้ขายของได้ ต้องทำอย่างไร
คอนเทนต์ที่จะช่วยให้คุณขายของได้ มีคุณลักษณะอยู่ 2 ประการครับ คือ
1.แตกต่างและเข้าถึงง่าย 2.มีคุณค่าต่อจิตใจและความรู้สึก
แตกต่างและเข้าถึงง่ายก็คือ มีความไม่เหมือนใคร และ มีการร้อยเรียงอย่างสวยงามเป็น story ใครได้อ่านได้ดู ก็รู้สึกว่าสะดุด อินและเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าคอนเทนต์นั้นกำลังต้องการสื่อสารอะไร ส่วนมีคุณค่าต่อจิตใจและความรู้สึกก็คือ สามารถเข้าถึงอารมย์ความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์ในตัวพวกเขาได้ อย่างเช่น ทำให้เกิดความรู้สึกสนุก ตื่นเต้น ท้าทายน่าค้นหา หรือเศร้าอย่างนี้เป็นต้น
ในทุกวันนี้ คนทำธุรกิจส่วนใหญ่ยังมีชุดความคิดในลักษณะการทำการตลาดแบบเดิมคือ ความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยง เช่น ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริมจะต้องหาบทความที่เกี่ยวกับสุขภาพมาลง ขายเครื่องสำอางและอาหารเสริมลดความอ้วนต้อง หาบทความเรื่องการออกกำลังกายลดน้ำหนักมาพูด ทำธุรกิจการเงิน ต้องหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการเรื่องการเงินมาโพสต์ กลุ่มโลจิสติกส์ก็จะนำคอนเทนต์เกี่ยวกับการแพ็คของ และส่งของ
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้มีคุณค่าและมันเกี่ยวข้องกับคุณและธุรกิจคุณ เป็นเรื่องที่สมควรจะมีเอาไว้ แต่ปัญหาก็คือ ทุกคนก็ทำแบบนี้ ทุกธุรกิจก็ทำคอนเทนต์แบบนี้ แล้วคอนเทนต์ของคุณจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร มีบทความเกี่ยววิธีการลดน้ำหนักด้วยโยคะขึ้นมาสัก 1 บทความจากแบรนด์ A เมื่อแบรนด์ B ที่เป็นคู่แข่งไปเห็นเข้าก็ทำบ้าง ก็อาจจะใช้วิธีตั้งแต่ไปหาชุดความรู้ใหม่มาเขียนเอง หรือไม่ ง่ายกว่านั้นก็ นำบทความจากแบรนด์ A มา rewrite ทำให้ดูเหมือนเป็นบทความใหม่ แต่แท้จริงแล้วคุณค่ามันไม่มีอีกแล้ว คุณค่่ามันถูกใช้ไปกับแบรนด์ A จนหมดแล้ว ต่อให้คุณจะได้นักเขียนมือดี มา rewrite อีก10รอบ บทความทำนองนี้ก็ไม่ได้มีคุณค่ามากขึ้นในสายตาผู้บริโภคหรือคนอ่าน เพราะมันก็เรื่องเดิมแค่เปลี่ยนคำ ความหมายก็ชุดเดิมคือลดน้ำหนักด้วยการเล่นโยคะ
หากเป็นธุรกิจการลงทุน ก็จะมีแต่เรื่องของแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ เรื่องของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ วนๆกันอยู่แค่นี้ คำถามก็คือ แล้วมันต่างอะไรกับคนอื่น
เมื่อมันไม่มีความแตกต่าง ก็แสดงว่าไม่มีเอกลักษณ์ เมื่อไม่มีเอกลักษณ์ คนก็จะแยกไม่ออกและจำไม่ได้ เมื่อคนจำไม่ได้เขาก็ไม่รู้จักคุณและสุดท้ายเขาก็ไม่ซื้อสินค้าของคุณ
ธุรกิจวันนี้จะอยู่ได้คุณต้องมีจุดขาย ซึ่งนั่นก็คือ ความต่าง หรือความโดดเด่น ความมีเอกลักษณ์เฉพาะ อาจจะต่างในแง่ของสินค้า ต่างในแง่ของการบริการ ต่างในแง่ของราคา และแน่นอนเรื่องของการทำคอนเทนต์ด้วย คอนเทนต์มีความต่างก็จะช่วยสร้างเอกลักษณ์และความโดดเด่นให้คุณได้มากยิ่งขึ้น นั่นเท่ากับว่าคุณมีจุดแข็งมากพอที่จะให้คนติดตามนั่นเองไงล่ะครับ
ลองพิจารณากันดูนะครับว่า คอนเทนต์ที่คุณมีอยู่ทุกวันนี้เป็นแบบไหน และคุณตั้งเป้าหมายกับการทำContent Marketing ตั้งแต่แรกไว้ว่าอย่างไร ถ้าคุณจับความต้องการที่แท้จริงของคุณได้ รับรองว่าคอนเทนต์ที่คุณทำจะช่วยให้คุณขายของได้ แถมได้ใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณไปด้วยในเวลาเดียวกันครับ