ในโลกของการทำContent Marketingเชื่อเหลือเกินว่า ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าคอนเทนต์ที่ทำจะต้อง Viral หรือเป็นคอนเทนต์เรียกแขกไว้ก่อน คือเมื่อคอนเทนต์ “ปัง” แล้วเดี๋ยวยอดขายจะมาเอง จริงๆความคิดนี้ก็ไม่ได้ผิด แถมยังถูกต้องเสียด้วย มีหลายแบรนด์ธุรกิจชั้นนำเลือกกลยุทธ์digital storytelling มาทำคอนเทนต์แบบ Viral และก็ได้รับความนิยมจากผู้คนมากจริงๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มีหลายชิ้นงานที่ดังมาก แต่ไม่สามารถสร้างยอดขายที่แท้จริงให้กับแบรนด์ได้ดังที่พวกเขาหวังเอาไว้
ยอดวิวมากมาย ไม่ได้หมายความว่าจะขายดี
การทำdigital storytellingนั้นหลายแบรนด์ชั้นนำเลือกใช้เพราะว่าต้องการให้เกิด brand awareness นั่นคือทำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่าแบรนด์มีตัวตน และกำลังมีการออก Product ใหม่ มีความเคลื่อนไหวใหม่ๆเป็นการสร้างแบรนด์ให้ดูแข็งแรงและมีภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้น นั่นแปลว่ายังไม่ได้เน้นในเรื่องยอดขายเป็นหลักใหญ่ แต่ถ้าคุณเป็น SME การทำdigital storytellingของคุณควรจะต้องหวังผลในเรื่องของยอดขายโดยตรง brand awareness เป็นเรื่องรองลงมา เพราะถ้าคุณทำแบบแบรนด์ใหญ่ คือ ทำให้ Viral เน้นทำให้เด่นให้ดัง ในท้ายที่สุดแล้ว คุณจะพบว่า
ยอดวิวที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ช่วยทำให้ยอดขายในธุรกิจคุณเพิ่มขึ้น
การปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ของผู้บริโภคไม่ได้หมายถึงว่าจะซื้อทุกราย
ยอดวิวของคอนเทนต์ที่คุณเห็นมักจะเป็นสิ่งที่หลอกให้คุณเข้าใจว่านี่คือตัวเลขของยอดขาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ยอดวิวกับยอดขายเป็นคนละเรื่องกัน และมีธุรกิจไม่น้อยที่ทำContent Marketing แล้วยังคิดหวังแบบนั้น การที่มีคนคลิกเข้ามาดูหน้าเว็บไซต์ ดูคลิปของคุณในช่อง YouTube หรือคนที่เข้ามากดไลค์กดแชร์ในเพจของคุณ เป็นเรื่องที่ดี แต่ตัวเลขที่เกิดขึ้นจากการทำdigital storytellingเหล่านี้เป็นแค่ตัวเลขที่บ่งบอกถึงการปฏิสัมพันธ์การเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องเล่าต่างๆที่คุณนำเสนอเท่านั้น การมีส่วนรวมไม่ได้เป็นสิ่งที่การันตีว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าและบริการจากคุณเสมอไป ผู้ประกอบการจึงต้องพึงตระหนักในเรื่องนี้ให้ดี ต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้คนคนเทนต์ด้วยและตัดสินใจซื้อได้ด้วย
digital storytellingที่ดีควรทำให้เกิด action
ไม่ว่าคุณจะทำdigital storytellingในรูปแบบไหนหรือช่องทางใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่คุณจะมุ่งเป้าไปก็คือ การทำให้เกิด Conversion เมื่อคนเริ่มต้องการเปลี่ยน ต้องการอยากรู้อยากลองก็จะทำให้เกิด action คือ ตัดสินใจซื้อในท้ายที่สุด ดังนั้น ทุกๆการทำdigital storytellingของธุรกิจคุณไม่ว่าช่องทางใดคุณควรจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อตรงๆเลย วิธีหนึ่งที่ดีก็คือ การใส่ “Call to action” เขาไว้ในทุกคอนเทนต์ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งบอกผู้บริโภคว่า “ถ้าอยากพบกับสิ่งที่ดีจริงๆก็ตามมา” คุณจะเห็นว่า เป็นการขายของแต่ค่อนข้างแนบเนียน มีความตรงแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ตรงจนเกินไป ถ้าคุณขายของออนไลน์บนเว็บไซต์ Call to action จะช่วยกระตุ้นให้เขาคลิกไปดูสินค้า ถ้าคุณต้องการนำเสนอคอนเทนต์สิ่งนี้ก็จะช่วยกระตุ้นให้เขาอยากเข้าไปดูรายละเอียดมากขึ้น
คำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมทุกๆdigital storytelling ควรจะมีCall to action คำตอบก็คือสิ่งนี้จะเป็นเครื่องนำทางให้กับผู้บริโภค ไม่ทำให้พวกเขาคาดเดากันไปเอง ว่าอะไรจะเป็นอย่างไรต่อไป การใช้เทคนิคง่ายๆนี่เองที่ตรงและตอบโจทย์กว่าการไปเสียเวลาทำคอนเทนต์ให้ดัง
ถ้าคุณเป็นธุรกิจในระดับ SME จึงอยากแนะนำว่าการทำdigital storytellingของคุณไม่จำเป็นที่จะต้อง Viral เนื้อหาดังเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่ความดังไม่ได้แปลว่าคุณจะได้ตังค์ ฉะนั้น ถ้าคุณจะขายของก็ต้องบอกกับลูกค้าให้เข้าใจ ไม่อยากขายตรงๆก็ลองนำเสนอแบบเชิญชวน สร้างเส้นทางการติดตามให้ลูกค้าเดินตามมาง่ายๆ เชื่อเถอะแบบนี้จะเหมาะสมกับ SME มากกว่า และโอกาสที่จะทำให้ยอดขายโตก็มีมากขึ้นด้วย