เทคโนโลยีคือปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเร็วอย่างมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าวันนี้ “เกม” สื่อเพื่อความบันเทิงจะกลายเป็นธุรกิจที่จริงจังถึงขั้นสามารถทำเป็นอาชีพได้ และที่สำหรับกลายเป็นกลไกใหม่ในระบบเศรษฐกิจเลยทีเดียว วันนี้ธุรกิจเกมหรืออุตสาหกรรมเกมนั้น มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก มีระบบของการทำธุรกิจที่ชัดเจน และมีการวางแผนธุรกิจทำกลยุทธ์การตลาดอย่างจริงจังไม่แตกต่างจากธุรกิจการซื้อขายสินค้าหรือบริการแบบทั่ว ๆ ไป
คนในยุคก่อน ที่เป็นคนในยุค Gen B – Gen X อาจไม่มีใครคาดคิดว่าวันนี้อุตสาหกรรมเกมจะก้าวมาถึงขั้นนี้ ซึ่งตอนนี้คนรุ่นใหม่ตั้งแต่ Gen Y ลงไปกำลังใช้อุตสาหกรรมเกมในการสร้างมิติใหม่ทางธุรกิจ และกลายเป็นธุรกิจความบันเทิงที่น่าจับตา ถึงขนาดมีหลายคนคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทุบตลาดธุรกิจบันเทิงสาขาอื่น ๆ ที่เป็นแบบเก่าจนแบนราบเป็นหน้ากลองเลยทีเดียว นี่จึงเป็นโลกยุคใหม่เทรนด์ใหม่แห่งธุรกิจที่เราทุกคนจะละสายตาไปไม่ได้เลย
วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมเกม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าโลกแห่งอุตสาหกรรมเกมพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทรนด์เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป จาก “ตู้เกม” สู่ “เกมคอนโซล” พัฒนาสู่เกมออนไลน์บนคอมพิวเตอร์และวิวัฒนาการสู่เกมบนมือถือ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้อาจจะใช้ระยะเวลาเปลี่ยนผ่านนานนับ 20 ปี แต่ช่วงเปลี่ยนผ่านจาก เกมคอนโซล สู่เกมออนไลน์บนคอมพิวเตอร์และมาจนถึงเกมบนสมาร์ตโฟนนั้น เป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก ใช้เวลาไม่กี่ปีทุกอย่างเปลี่ยนผ่านโดยสมบูรณ์ และสร้างธุรกิจเกมที่เป็นรูปธรรมจริงจังขึ้นมา
ที่น่าจับตามองมากเป็นพิเศษในเรื่องของวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมเกมที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนี้จากเกมบนสมาร์ตโฟนธรรมดา พัฒนาต่อยอดออกไปอีกขั้นไปสู่เกมในแนว augmented reality (AR) และ virtual reality (VR) นอกจากนั้นแล้วยังมีพัฒนาการไปถึงระบบ cloud gaming ด้วย ซึ่งทั้ง
หมดนี้ก็เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือระดับ(User Experience) ซึ่งการพัฒนาการตรงจุดนี้ก็สามารถที่จะดึงดูดผู้คนเข้ามาสู่วงจรในตลาดธุรกิจเกมได้มากขึ้นจริง ๆ
จากการศึกษาวิจัยตลาดของธุรกิจเกมของ Newzoo พบว่า มูลค่าทางการตลาดของกลุ่มธุรกิจเกมที่มีอยู่ทั่วโลก เฉลี่ยแล้วทำให้เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 ที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสนใจก็อยู่ตรงที่ว่าตัวเลขมูลค่าของธุรกิจในอุตสาหกรรมเกมนั้นสูงกว่าตัวเลขมูลค่าของอุตสาหกรรมบันเทิงหลักอย่างอุตสาหกรรมเพลงและภาพยนตร์ 2 – 3 เท่าตัวเลยทีเดียว
Network Effects กลยุทธ์หลักแห่งธุรกิจเกม
ทีนี้ลองมาอ่านเกมและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ในธุรกิจเกมกันดูบ้างว่า มีอะไรที่น่าสนใจ ก็ต้องบอกก่อนเลยว่าธุรกิจเกมในตอนนี้กลายเป็นสายธุรกิจที่เข้ามา disrupt กลุ่มธุรกิจในสายบันเทิงด้วยกันแบบเรียกว่าแรงเกินต้านจริง ๆ กลยุทธ์การตลาดที่กลุ่มอุตสาหกรรมเกมใช้นั้นถ้าวิเคราะห์กันดีๆ จะพบว่าเป็นกลยุทธ์ที่จะคล้ายกับกลุ่มโซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันอื่น ๆ บนสมาร์ทตโฟน ที่เปิดให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ในระดับหนึ่งก่อน เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะเริ่มมีการเก็บค่าใช้จ่าย
แต่สิ่งที่แตกต่างไปของกลุ่มธุรกิจกับกลุ่มธุรกิจโซเชียลมีเดียก็คือ เกมส่วนใหญ่จะเปิดกลยุทธ์แบบ free-to-play ซึ่งกลยุทธ์การตลาดแบบนี้ เป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดแบบแรงดึงดูด จุดประสงค์เดียวกันกับการทำ Content Marketing คือ ดึงให้ผู้คนเข้ามาใช้งานกันเยอะ ๆ ก่อน เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีเล่นฟรี เมื่อสิ่งใดที่มีจำนวนคนเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นกลุ่มก้อนที่มีพลังขึ้นมาเอง และกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าไปโดยปริยาย
อาจเรียกได้ว่า อุตสาหกรรมเกมกำลังใช้กลยุทธ์แบบ Network Effects หรือเน้นการสร้างเครือข่ายขนาดใหญ่ เพื่อให้ฐานผู้ใช้งานขยายออกไปเรื่อย ๆ เมื่อเกิด ecosystem และ engagement ของผู้ใช้งานจำนวนมากต่อเนื่องยาวนาน มูลค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบนี้ก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น และเกิดระบบการซื้อขายแลกเปลี่ยน ทั้ง ตัวเกม สินค้าดิจิทัลหรือไอเทมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกม รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จะต้องใช้เชื่อมต่อเพื่อการเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบ จากจุดนั้นก็จะขยายออกไปสู่อาชีพนักพัฒนาเกม สร้างนักกีฬาอีสปอร์ต สร้างทีมงานเบื้องหลัง สร้างทีมงานโปรโมทและทำการตลาด จนขยายไปในอีกหลายสาขาอาชีพเลยทีเดียว
ธุรกิจเกมไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป
หากพูดถึงเรื่องเกมกับคนรุ่นก่อน ๆ ทุกคนก็คงจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่ในปัจจุบันชุดความคิดเหล่านั้นคงจะต้องเปลี่ยนไปแล้ว เพราะอาชีพต่าง ๆ ที่คนยุคก่อนเคยใช้เลี้ยงชีพสร้างครอบครัวมากำลังจะตายและหายไปจะระบบในไม่ช้า และอาชีพที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในวงจรของธุรกิจเกมกำลังจะเข้ามาเป็นปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่เกินจริง วันนี้จะการสำรวจพบว่าในประเทศไทยเรามีผู้ที่เล่นเกมจากค่ายเกมมือถือชื่อดัง รวมไปถึงเกมจากค่ายเกมคอนโซลสูงถึงราว 27 ล้านคน ถ้าคิดเป็นมูลค่าต่อหัวแค่คนละ 1 บาทก็เท่ากับ 27 ล้านบาทเข้าไปแล้ว มูลค่าทางการตลาดที่สูงเช่นนี้ จึงทำให้ธุรกิจเกมในวันนี้จะไม่ใช่เรื่องไร้สาระและจะไม่อยู่โดดเดี่ยวแยกตัวเหมือนในสมัยก่อนอีกต่อไป
ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งมองเห็นโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมเกม และได้เห็นโอกาสทางการตลาดมากมายที่ซ่อนอยู่จะเริ่มลงไปสนับสนุนและ ใช้ธุรกิจเกมเชื่อมโยงเข้าสู่กลยุทธ์การตลาดแบบเดิม ใช้ช่องทางนี้ในการโปรโมทแบรนด์ธุรกิจทั้งของตนเองและของคู่ค้า สร้าง brand awareness ให้เกิดขึ้นจากจำนวนของผู้ที่เข้ามาอยู่ใน ecosystem ของธุรกิจเกม ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย ตอนนี้เราจะเห็นว่ามีแบรนด์ธุรกิจเจ้าใหญ่ดัง ๆ เริ่มเข้าไปวางกลยุทธ์การตลาดในอุตสาหกรรมนี้ วางแผนทำงานกับสตรีมเมอร์เกม ทำการโฆษณาธุรกิจผ่านตัวเกมก้มี หรือ เข้าไปสนับสนุนในฐานะสปอนเซอร์กีฬาอีสปอร์ตก็มีเช่นกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่บางทีก็ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องแต่ก็สามารถเชื่อมโยงมาถึงกันได้ อย่างกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มีเข้ามาเป็นสปอร์นเซอร์ก็ยังมี
เมื่ออุตสาหกรรมเกมเนื้อหอมขนาดนี้ บอกเลยว่านี่คืออนาคตของการเติบโตที่เห็นได้ชัด และอีกไม่นานภาพทุกอย่างก็จะชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนเราแทบจะไม่เชื่อเลยว่า “เกม” จะกลายเป็นสิ่งที่เลี้ยงชีพหรือเป็นอาชีพที่เลี้ยงครอบครัวได้ในยุคนี้ คำว่าเล่นเกมจนได้ดี คงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป
โลกเปลี่ยนไปแล้ว และเราก็ไม่อาจที่จะหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงได้ ในฐานะผู้ที่ผ่านโลกมาก่อน เราก็ควรจะยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป และพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เป็นไป เราไม่อาจห้ามโลกไม่ให้เปลี่ยนได้ฉันใด เราก็มิอาจห้ามคนรุ่นใหม่ไม่ให้เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยได้ฉันนั้น อย่าฝืนธรรมชาติ แต่เราควรจะเรียนรู้และปรับตัว ธุรกิจเกมวันนี้ไม่ไร้สาระอีกต่อไปแล้ว ใครที่เข้าใจในจุดนี้ ยอมรับปรับตัวและหาโอกาสจากธุรกิจนี้ได้ รับรองว่าจะเห็นโอกาสอีกมากมายในธุรกิจนี้เลยทีเดียว