มีผลสำรวจจาก PwC ชี้ว่าในขณะนี้ผู้บริโภคกว่า 1 ใน 3 ทำการซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ และใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือในการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ บนออนไลน์ จากข้อมูลผลสำรวจตรงนี้ ทำให้เหล่าผู้ประกอบการร้านค้าปลีก หรือ Retail ต่างต้องพากันปรับตัวหนีตาย ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ทุนสูงเข้าถึงเทคโนโลยีได้ก็ปรับกลยุทธ์ธุรกิจของตนกันยกใหญ่จากออฟไลน์อย่างเดียวไปสู่ช่องทางแบบ Omnichannel คือมีการขายผ่านทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กันไป

นอกจากจะใช้กลยุทธ์ธุรกิจปรับช่องทางการขายให้สอดคล้องกับวิถีการจับจ่ายแล้ว ปัจจุบันพวกเขายังมีการปรับกลยุทธ์การตลาด โดยพยายามที่จะทำตลาดแบบเชิงรุก แบบเรียกว่าบุกไปหาผู้ซื้อในทุก ๆ ที่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วย ซึ่งเรื่องนี้ธุรกิจ Retail จะเห็นชัดมากกว่า โดยเริ่มเป็นเทรนด์ขึ้นมาสักพักแล้ว มีการทำ Virtual Store ตามแหล่งการเดินทางต่าง ๆ อย่างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยจะมีการติดแผ่นป้ายโชวสินค้าประเภทต่าง ๆ ลูกค้าสามารถมาเดินเลือกสินค้าตัวอย่างก่อน จากนั้นก็สแกน QR Code เพื่อชำระเงิน แล้วก็รอให้สินค้าไปส่งที่บ้าน ช่วยประหยัดเวลาในการไปเดินเลือกสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเอง นี่นับวิถีการช้อปอย่างหนึ่งของคนยุคนี้ ที่ผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน

virtual-store-in-south-korea-1 (1024x691)
Credit : thanachart.org

ในตอนนี้กลยุทธ์ธุรกิจของฝากฝั่ง Retail ที่นำมาใช้กระตุ้นการซื้อของผู้บริโภคมีอะไรบ้าง เทคโนโลยีอะไรที่กำลังเป็นเทรนด์ในการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เรามาอัปเดตไปพร้อม ๆ กัน

 

1.Visual Image Search – ค้นหาทุกสิ่งด้วยภาพถ่าย

เวลาเราเห็นเสื้อผ้าสวย ๆ เห็นกระเป๋าสวย ๆ ที่คนดังถือ แล้วรู้สึกอยากใช้บ้าง แต่เราไม่รู้ชื่อไม่รู้ยี่ห้อ ไม่รู้ว่าเอาเรียกชื่อสิ่งนั้น ๆ ว่าอะไร เรามีแต่เพียงภาพที่แคปเจอร์ไว้ จะค้นหาอย่างไรดี ในตอนนี้ไม่เป็นปัญหาแล้ว เพราะในตอนนี้มีเทคโนโลยี “ค้นหาทุกสิ่งด้วยภาพถ่าย” เกิดขึ้นแล้ว ธุรกิจค้าปลีกในแนวแฟชั่นหลายรายเริ่มนำเทคโนโลยี Visual Image Search มาใช้โดยปรับเป็นจุดเด่นในกลยุทธ์ธุรกิจของตนเองไปเลย

google-lens-14เนื่องจากเทคโนโลยี AR มีการพัฒนาไปมาก มีเทคโนโลยีอย่าง Google Lens เกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้เราสามารถค้นหาข้อมูลต่าง ๆ จากภาพถ่ายได้ ทำให้นักพัฒนาเห็นโอกาสตรงนี้จึงนำมาขยายและพัฒนาต่อออกไปในเชิงธุรกิจมากขึ้น อย่าง แอปพลิเคชัน CamFind ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างของเทคโนโลยีนี้ ที่แต่เพียงผู้ใช้งานถ่ายภาพหรือแคปหน้าจอสินค้าที่สนใจ แล้วส่งขึ้นไปที่แอปฯ จากนั้นแอปฯก็จะประมวลผลทำการค้นหาให้ว่า ในรูปในเป็นสินค้าประเภทไหน แบรนด์อะไร หรือไม่ก็จะนำเสนอสินค้าที่ใกล้เคียงกันขึ้นมา ทำให้เราสามารถเข้าถึงสินค้าประเภทนั้น ๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไม่เพียงค้นพบได้ง่ายแต่ยังเห็นราคาและเปรียบเทียบราคากับสินค้าจากร้านต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งผู้ประกอบการ Retail ในส่วนของแฟชั่นหลายรายได้เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับแอปฯนี้ไปเรียบร้อย

แต่อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการที่จะมาเข้าร่วมธุรกิจตรงนี้ได้ก็จะต้องมีโปรไฟล์ของตนเอง จะต้องมีร้านค้าออนไลน์ของตนเองก่อน ที่สำคัญจะต้องมีเว็บไซต์ร้านของตนเอง เพราะแอปพลิเคชัน CamFind จะทำการค้นหาจากเว็บไซต์ ไม่ได้ทำการค้นหาในโซเชียลมีเดีย(ในอนาคตอาจจะทำได้) ตรงนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่สะท้อนว่าเว็บไซต์ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่

 

2.2D Augmented Reality – ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้สินค้าแบบเสมือนจริง

สำหรับการซื้อสินค้านั้น บางอย่างเราก็จำเป็นที่จะต้องมีการทดลองใช้ ทดลองจัดวางก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งการช้อปสินค้าทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองสิ่งนี้ได้ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปอีกขั้น เรื่องของเทคโนโลยี AR เติบโตขึ้น ผู้ประกอบการค้าปลีกจึงเริ่มเห็นวิธีการนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะค้าปลีกที่เกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ที่ชัดที่สุดตอนนี้เลยก็คือแบรนด์ IKEA ที่เป็นผู้นำในการนำ 2D Augmented Reality เข้ามาใช้จำลองสภาพแวดล้อมเสมือนให้ลูกค้าได้เห็นว่า ถ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น จัดวางตรงนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งทาง IKEA มีแอปพลิเคชันของตนเองคือ IKEA Place ทำให้ลูกค้าสะดวกขึ้นมาก สามารถช้อปออนไลน์สินค้าประเภทนี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น ธุรกิจค้าปลีกสายแฟชั่นก็เริ่มนำเทคโนโลยี AR แบบนี้มาปรับใช้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ก็มีแบรนด์แฟชั่นชื่อดังได้ลองนำกระจกลองเสื้อแบบใหม่ ที่ติดหน้าจอและติดตั้งกล้องเอาไว้ เป็น AR  อย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณเห็นตัวเองได้เลยว่าถ้าได้ลองสวมชุดนี้แล้วจะดูสวยหล่อขนาดไหน

 

3.Robot – ชิมรสชาติมาตรฐานจากฝีมือหุ่นยนต์

เรื่องของเทคโนโลยี Robot หรือหุ่นยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การนำมาใช้ยังอยู่ในวงจำกัด เพราะต้นทุนนั้นค่อนข้างสูง แต่นับจากนี้ไปอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทคโนโลยีหุ่นยนต์จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้แพร่หลายในทุกกลุ่มไม่เพียงอุตสาหกรรมเท่านั้น ที่น่าจะเห็นชัดเลยก็คือ กลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งในตอนนี้ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างห้าง Wallmart ได้มีการนำเทคโนโลยี Robot มาปรับเป็นกลยุทธ์ธุรกิจแบบใหม่ของตนเอง โดยเริ่มต้นจากซุ้มขายน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ Blendid การทำน้ำผลไม้ของซุ้มนี้ดำเนินการผลิตโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด ซึ่งใน 1 ชั่วโมงจะทำน้ำผลไม้สูตรต่าง ๆ ได้ถึง 45 แก้วเลยทีเดียว ซึ่งผู้ซื้อสามารถออเดอร์สินค้าทางออนไลน์และชำระเงินมาก่อนได้ เมื่อสะดวกเดินทางมารับสินค้าก็เข้ามารับสินค้าได้ที่ห้าง Wallmart ทุกสาขา ตามคิวที่จองไว้

ทั้งหมดนี้ คือ เทรนด์ของธุรกิจ Retail ที่เราอาจจะได้เห็นภาพชัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เชื่อว่าหลังโควิดผ่านพ้นไป Retail ในไทยเราก็คงจะเริ่มมีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้กันมากขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้า และสร้างยอดขายให้มากขึ้น แต่ก็จะเป็นในระดับค่อยเป็นค่อยไป คงไม่หวือหวาเท่าในต่างประเทศ แต่ก็เชื่อว่าเราคงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงกันมากพอสมควรหลังจากนี้