Coronavirus  หรือ COVID-19 รุนแรงไม่หยุดจนมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 1 ล้านคนไปแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเชื้อร้ายนี้สร้างความเสียหายหนักให้ชีวิตผู้คนและส่งผลกระทบรุนแรงไปยังระบบเศรษฐกิจของโลก ระดับความเสียหายที่รุนแรงนี้ทำให้คนทำธุรกิจต่างมึนงงและสับสนไปกันหมดว่าจะทำอย่างไรต่อไปกันดี บางธุรกิจกระทบรุนแรงถึงขั้นปิดกิจการกันไปแล้ว ครั้งนี้เราจึงจะมา Story Telling ไปยังกลุ่ม business leaders ที่กำลังประคองธุรกิจของตนเองอยู่ ในประเด็นที่ว่าจะนำองค์กรฝ่าวิกฤตนี้ไปกันอย่างไรดี ซึ่งเราจะมาขอเล่าถึง 5 เทคนิคที่อาจจะพอช่วยคุณได้ให้คุณทราบกัน

1.การแก้ไขปัญหาและรับมือสถานการณ์ให้เร็วที่สุด

เราขอเริ่ม Story Telling กันที่ เรื่องพื้นฐานกันก่อนเลย เมื่อวิกฤตเข้ามากระทบกับธุรกิจสิ่งที่ผู้นำต้องทำเลยก็คือ การแก้ไขปัญหา ซึ่งคุณอาจจะต้องทำเป็นขั้นตอนดังนี้

• กำหนดขั้นตอน

• กำหนดช่วงเวลา

• แอคชั่น ลงมือปฏิบัติตามที่กำหนดไว้

ซึ่งสิ่งที่ที่คุณจะทำไม่ว่าอะไรต้องทำอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ในขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับแผนปฏิบัติการต่างๆ ของภาครัฐ ต้องทำให้สอดคล้องกัน หากเราพิจารณาโมเดลการแก้ไขปัญหา COVID-19 ของประเทศส่วนใหญ่ จะพบว่าทั้งหมดทุ่มกำลังไปที่เรื่องของระบบสาธารณสุขก่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงที่สุดกับเรื่องนี้ การ support ด้วยสรรพกำลังทั้งหมดจึงระดมไปที่จุดนี้ก่อน

ต่อมาเอกชนและประชาชนเริ่มมองหาแผนรับมือสำหรับตนเอง โดยเน้นไปที่เรื่องความปลอดภัย และทำให้ตนเองยังสามารถขับเคลื่อนชีวิต องค์กร ในบทบาทหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบต่อไปได้ อย่างการสวมใส่หน้ากากอนามัน ใช้เจลล้างมือ work from home ซึ่งการนำองค์กรฝ่าวิกฤตก็จะต้องถอดแบบการแก้ปัญหาเป็นลำดับขั้นตามนี้เช่นกัน

 

2.ปรับทุกอย่างให้ยืดหยุ่น

ในสถากนการณ์นี้ต้องบอกเลยว่า ความยืดหยุ่น เป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในการนำองค์กรฝ่าวิกฤต เพราะความท้าทายของผู้นำองค์กรธุรกิจตอนนี้ก็คือ จะประคองธุรกิจไปให้รอดได้อย่างไร เพราะ COVID-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากมาย ทั้งเรื่องของสภาพคล่องทางการเงิน นโยบายและทิศทางขององค์กรที่ไม่สามารถกำหนดระยะยาวได้อีกต่อไป ระยะเวลา จำนวนคนก็กำหนดไม่ได้

เมื่อไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกอย่างจึงต้องกำหนดไว้แบบหลวมๆ ยืดหยุ่นเพื่อให้ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ การวางแผนรับมือจึงควรคิดถึงเรื่อง cashflow ด้วย ว่าจะรับมือไปได้ในระยะสั้นหรือระยะกลาง สิ่งที่ผู้นำธุรกิจต้องเข้าใจก็คือ ไม่ใช่แค่คุณหรือธุรกิจคุณที่กระทบ ปัญหานี้กระทบกับทุกคน ทุกสิ่งจึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ฉะนั้น ไม่ว่าจะกำหนดแผน หรือเรื่องการเงินบริษัทอย่างไร ต้องควรคิดเผื่อๆไว้ในทุกประเด็น

 

3.ตั้งหลักให้ไว

สิ่งที่ผู้นำองค์กรจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ การก้าวต่อไป แบบไม่จมอยู่กับปัญหา คุณต้องเข้าใจด้วยว่า COVID-19 มาได้ ก็ต้องไปได้ แม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่าเชื้อร้ายนี้จะไปจากเราเมื่อไหร่ก็ตาม แต่แม้ไวรัสนี้อาจจะอยู่กับเราเป็นปีจากนั้นก็จางไป นั่นไม่ได้หมายว่าวิกฤตธุรกิจจะหมดไปแล้ว การนำองค์กรฝ่าวิกฤตยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะหลังจากไวรัสจางไปแล้ว ภาระหน้าที่ของคุณยังต้องมี นั่นคือ ต้องกลับมาฟื้นฟูธุรกิจให้อยู่ในสภาพเดิมให้เร็วที่สุด คือ คุณจะต้องตั้งหลักให้ไว ต้อง restart  ธุรกิจและดึงสายป่านกลับมาให้ได้ ซึ่งคุณจะตั้งหลักให้ไวแบบนั้นได้ ตอนนี้คุณก็ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ดังนั้น ในขณะที่เจ้าไวรัสยังไม่ไป ก็ควรมีการคิดถึงแผนสำรองซึ่งก็คือแผนฟื้นฟูเอาไว้คร่าวๆด้วย

 

4.เรียกภาพลักษณ์กลับคืนมา

ไม่ว่าวิกฤตจะผ่านไปหรือยังก็ตาม ภาพลักษณ์ของธุรกิจก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณค่าของวิกฤตก็คือ มักทำให้เรารู้ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน และมีอะไรที่ต้องปรับปรุง ซึ่งถ้าคุณแก้จุดอ่อนนั้นได้ภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณจะเปลี่ยนไป จะดีต่อองค์กรของคุณเอง และดีต่อลูกค้าขององค์กร แต่การจะเรียกภาพลักษณ์กลับคืนมาในช่วงวิกฤตหรือหลังวิกฤตนั้น ก็ต้องอยู่ที่คุณประเมินว่า องค์กรยังพอจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ บุคลากรพร้อมทำงานแล้วหรือยัง มีเทคโนโลยีอะไรที่พอจะเข้ามาใช้ทดแทนไปก่อน และทำให้งานดำเนินต่อไปได้บ้างในช่วงระยะนี้ สิ่งเหล่านี้จะหลอมรวมกลายเป็นภาพลักษณ์ใหม่ขององค์กรด้วยนั่นเอง

 

5.ถึงเวลาปฏิรูป

ข้อสุดท้ายที่เราขอมา Story Telling กับ business leaders ทุกท่านก็คือ หากคุณผ่านวิกฤตนี้ไปได้ อย่าลืมที่จะเรียนรู้จากวิกฤตที่ผ่านมา หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป จะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ถูกนำมาอธิบายมากขึ้น และคนจะเริ่มเห็นความสำคัญมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งบทบาทของผู้นำองค์กรก็ไม่ควรที่จะนิ่งเฉยกับเรื่องเหล่านี้ คุณควรจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นนี้มาใช้ในการ “ปฏิรูป” องค์กรเสียใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นในทุก ๆ เรื่องที่คุณจะต้องคิดเผื่อไว้เตรียมไว้ อย่างเรื่องของงบประมาณสำรง อย่างเรื่องของวิธีการทำงานและวัฒนธรรมองค์กร ทั้งหมดนี้หลังวิกฤตมีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ก็อย่ามองว่าเป็นปัญหา แต่ควรมองว่าเป็นโอกาสใหม่ในการปฏิรูปองค์กรให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนไป

 

ทั้งหมดเหล่านี้คือ การนำองค์กรฝ่าวิกฤต ที่เราอยากมา Story Telling เล่าสู่กันฟังให้กับ business leaders ทุกท่าน ซึ่งหวังว่าพอจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านในช่วงวิกฤตอันเลวร้ายนี้กันบ้างไม่มากก็น้อย ขอให้ทุกท่านเข้มแข็งเข้าไว้ เราจะฝ่าเรื่องร้ายๆนี้ไปด้วยกัน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ


ข้อมูลอ้างอิง : marketing-interactive.com