เทรนด์แฟชั่นยุคใหม่ ก้าวข้ามชาย-หญิง กลายเป็นแฟชั่นที่ไร้เพศ

โลกไม่ได้ถูกจำกัดเพศอยู่แค่ "ชาย" หรือ "หญิง" อีกต่อไป ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของสังคมนี้ก็ได้ส่งผลไปยังเทรนด์แฟชั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้ด้วย

future-trending-genderless-fashion

ณ วันนี้ประเด็นเรื่องของ “เพศสภาพ” ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดเป็นประเด็นสำคัญของสังคมอย่างชัดเจนมากขึ้นทุกวัน ซึ่งไม่เพียงแต่ในต่างประเทศเท่านั้น ในประเทศไทยเราเองเรื่องนี้ก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ โลกไม่ได้ถูกจำกัดเพศอยู่แค่ “ชาย” หรือ “หญิง” อีกต่อไป ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของสังคมนี้ก็ได้ส่งผลไปยังเทรนด์แฟชั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้ด้วย

Unisex Fashion กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน

หากเราดูในห้างร้านค้าปลีกย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ สินค้าแฟชั่นภายในร้าน จะมีการแบ่งโซน ชาย – หญิง เอาไว้อย่างชัดเจน แต่กระแสเรื่องของ Genderless หรือ Unisex นั้นกำลังถูกสังคมหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และกลายเป็นเทรนด์ของการเรียกร้องสิทธิ์ทางสังคมในแง่มุมต่าง ๆ เรื่องนี้กระจายออกไปในหลายมิติ ทั้งวงการแฟชั่น วงการบันเทิง ราชการ และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขด้วย ทำให้ประเด็นเรื่องของความหลากหลายทางเพศกลายเป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางสังคมและเกิดความร้อนแรงขึ้นมา ดีไซน์เนอร์ของวงการแฟชั่นจำนวนไม่น้อยก็อยู่ในกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศด้วย วงการแฟชั่นจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยหยิบประเด็น Genderless นี้ขึ้นมาสร้างเทรนด์แฟชั่นใหม่

Nicola Formichetta ดีไซน์เนอร์จากแบรนด์ Nicopanda ของอเมริกา มีความเห็นว่าคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลายทางเพศมาก อิทธิพลส่วนหนึ่งนั้นมาจาก Unisex Fashion ได้รับการผลักดันจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ทำให้สิ่งเหล่านี้สื่อสารไปยังคนรุ่นใหม่ได้ว่า พวกเขาก็คือส่วนหนึ่งของสังคม แบรนด์มองเห็นความสำคัญของพวกเขาในฐานะมนุษย์เช่นกัน

stella-mccartney-shared-unisex
Credit: Stella McCartney

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่าน แบรนด์แฟชั่นดังของอังกฤษอย่าง Stella McCartney ก็ได้มีการเปิดตัว Collection ใหม่ คือ Stella McCartney Shared เป็นคอนเซ็ปต์แฟชั่นที่ไร้เพศ เสื้อผ้าที่ออกแบบมาสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง รวมถึงทุกเพศสภาพ และทางแบรนด์ก็ยังคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์หลักนั่นคือ จะต้องเป็นเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ

ด้วยเพราะ Unisex Fashion มากด้วยคุณประโยชน์ในตัวเอง และยังก้าวข้ามขีดจำกัดทางเพศสภาพ จึงกลายเป็นสไตล์แฟชั่นที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ใส่ได้ทุกโอกาส ใส่แล้วดูไม่น่าเบื่อ ไม่จืดชืดง่าย ดูทันสมัยอยู่เสมอ ตรงนี้จึงทำให้เทรนด์แฟชั่นนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และคาดว่าในอนาคตข้างหน้านี้จะมาแรงมากขึ้นไปอีก

 

แบรนด์แฟชั่นทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่อง Genderless

นอกจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากทางอเมริกาและอังกฤษแล้ว ขณะนี้แปบรนด์แฟชั่นทั่วโลกก็กำลังพุ่งเป้าเข้ามาสู่กระแสเรื่อง Genderless มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย อย่างแบรนด์ MUTTONHEAD ของทางแคนาดาที่เน้นความคลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์ ก็เริ่มปรับสไตล์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วแบรนด์นี้สนับสนุนเรื่องความหลากหลายทางเพศมาโดยตลอด และแฟชั่นแต่ดั้งเดิมถึงจะคลาสสิกแต่ก็เป็นแนว Unisex อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็มีการปรับให้เกิดรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์เพศสภาพที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

แบรนด์แฟชั่นน้องใหม่ทางเกาหลีใต้อย่าง CRES. E DIM และอีกหลายแบรนด์ก็เริ่มปรับเข้าสู่เทรนด์แฟชั่นแบบไร้เพศมากขึ้น รวมไปถึงแบรนด์เสื้อผ้าของฟิลิปปินส์ ซึ่งคนไทยเราไม่ค่อยรู้จัก แต่ดังมากในหมู่วัยรุ่นของฟิลิปปินส์ Don’t Blame the Kids ก็ปรับเข้ามาให้เกาะกระแสแฟชั่นที่ไร้เพศแบบนี้กับเขาด้วย

don’t-blame-the-kids-genderless
Credit: Don’t Blame The Kids

สำหรับประเทศไทยเอง ก็มีเช่นกันแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง SNEAKA VILLA ซึ่งเน้นแฟชั่นสายสตรีท มีศิลปินดัง ๆ หลายคนมาเป็นแบบให้ตอนนี้ก็หันมาจับตลาดแฟชั่นที่ไร้เพศแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

sneaka-villa-genderless
Credit: SNEAKA VILLA

แฟชั่นที่ไร้เพศ ไม่ใช่แค่เรื่องเพศสภาพ แต่คือ ความคุ้มค่าอีกแบบ

หากมองฉีกประเด็นนี้ออกมาในมุมของการตลาดและมุมของผู้บริโภคแล้ว เรื่องของ Genderless นั้น ๆ ไม่ได้มีกรอบจำกัดอยู่แค่เรื่องของเพศสภาพเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่คิดขึ้นมาเพื่อความหลากหลายทางเพศ หรือ คนที่ต้องการเรียกร้องสิทธิ์และการแสดงออกทางสิทธิมนุษยชนพื้นฐานเท่านั้น แต่สินค้าที่ใช้ได้ทุกเพศนั้นมีคุณสมบัติที่ดีในตัวเองอยู่แล้ว คือมีความยืดหยุ่นในตัวเอง ตรงนี้จึงทำให้ผู้บริโภคซื้อไปแล้วรู้สึกได้ถึงความคุ้มค่า และมองเห็นว่ามีคุณค่ามากขึ้น

ถ้าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าทุกอย่าง ซื้อมาแค่ครั้งเดียว แต่ใครใช้ก็ได้ ใช้ได้ทุกโอกาส คุณจะมองว่ามันคุ้มค่ากว่า การซื้อสินค้าเฉพาะงานหรือเปล่าล่ะ แน่นอนเราต้องรู้สึกว่าคุ้มค่ากว่าอยู่แล้ว ตรงนี้ทำให้เรามองเห็นว่า สินค้าที่มีคอนเซ็ปต์ Genderless นั้น ดูมีความเป็นกลาง ๆ การไม่จำกัดขอบเขตเอาไว้ว่า ใช่เพื่อใครเพื่ออะไร ทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น นั่นจึงทำให้เรารู้สึกว่าเสียเงินไปแล้วได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าแบบสุด ๆ เลยนั่นเอง

 

แนวคิดหรือคอนเซ็ปต์เรื่อง Genderless นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่ได้แค่เฉพาะสินค้าในกลุ่มแฟชั่นเท่านั้น หากมองให้ดีแล้ว เราจะเห็นช่องในการเจาะเข้าไปในตลาดสินค้าหลาย ๆ กลุ่มด้วย ตรงนี้ก็อยู่ที่ผู้ประกอบการจะประยุกต์และสอดแทรกเข้าไปในสินค้าของตนเอง แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมทำการตลาดที่สื่อสารเข้าไปในเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วยนะ ผู้บริโภคจะได้รับรู้ได้ว่าเรากำลังทำอะไรเพื่อใครอยู่