ช่วงนี้กระแสเรื่องของ New Normal กำลังมีการพูดถึงมากในวงการธุรกิจและการตลาด หลายๆคนอยากรู้ว่าถ้า New Normal จะเกิดจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แนวโน้มที่เกิดขึ้นจะทำให้วงการต่างๆเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน ผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เป็นคำถามที่เกิดขึ้นมากมายในตอนนี้ เพราะภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เป็นระยะๆจนเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ที่เกิดคำถามกันขึ้นนั้น เพราะผู้ประกอบการและนักการตลาดพยายามที่จะกระโจนเข้าไปสู่การเปลี่ยนเจ้าแรกในการปรับตัวสู่ New Normal
แต่สิ่งที่น่ากังวลและน่าจะตั้งคำถามในตอนนี้ก็คือ หาก “ชีวิตวิถีใหม่” นี้ไม่เกิดขึ้นจริงล่ะ สิ่งที่เราคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างถาวร แต่มันกลับไม่เกิดขึ้น หรือ เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราว จะทำให้เราก้าวพลาด ตัดสินใจลงทุนพลาดหรือวางกลยุทธ์พลาดหรือไม่ Storytelling เรื่องธุรกิจครั้งนี้จะมาถกปัญหาเรื่องนี้กัน
อย่าเพิ่งฟันธงว่าอะไรบ้างจะเป็น New Normal
ในช่วง 2 – 3 เดือนที่วิกฤตโควิดเกิดขึ้น มีหลายคนคาดการณ์ทันทีว่าชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal จะเกิดขึ้น แต่คำถามก็คือ แล้วจะมีอะไรบ้างที่เป็นชีวิตวิถีใหม่ อะไรบ้างที่จะเปลี่ยนไป บางคนบอกว่า กระแสการซื้อของออนไลน์จะกลายเป็น New Normal บางคนบอกว่า การเรียนออนไลน์จะกลายเป็นความปกติใหม่ แต่ถ้าถามในมุมมองของเราเองแล้ว เราไม่อาจตอบได้ว่าอะไรกันแน่ที่จะเป็นความปกติใหม่ที่จะเกิดขึ้นบ้าง และเราเองก็ขอแนะนำให้ท่านผู้ประกอบการ รวมไปถึงนักการตลาดทั้งหลาย อย่าเพิ่งฟังธงปักใจว่าอะไรจะเป็นความปกติใหม่แน่ ๆ ด้วย
New Normal อาจไม่ใช่ความปกติที่ยั่งยืนยาวนาน
ไม่มีใครรู้แน่นอนว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นพฤติกรรมปกติใหม่ที่เป็นกันอยู่ในปัจจุบัน จะเกิดขึ้นนานแค่ไหน และจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกหรือไม่ New Normal อาจจะไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไปก็ได้ ทุกสิ่งในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะจริงๆพฤติกรรมและวิถีชีวิตของคนเราก็คือ การ Storytelling หรือเป็นเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง ที่เมื่อนำมาเล่าตอนนี้ก็เป็นอีกแบบ แต่ถ้าเล่ากันต่อไปเรื่อยๆจาก 2 คน ไป 10 คน เรื่องราวก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลา ชีวิตคนเรานั้นมีกาลเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ฉะนั้น อะไรที่เราคิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานจนกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของคน อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้
ยกตัวอย่างเรื่องการเรียนออนไลน์ ซึ่งถูกพูดถึงกันมากว่าจะเป็น New Normal แต่เราก็เห็นกันแล้วว่า สิ่งนี้กลับตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในสังคมให้ชัดขึ้น จนเกิดประแสต่อต้าน ทั้งๆที่สิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์สูงมากต่อวงการการศึกษา ธุรกิจเกี่ยวกับการศึกษาและการกวดวิชาเตรียมตัวที่จะปรับเข้ามาสู่ระบบออนไลน์เต็มรูปแบบกันเต็มที่ แต่เอาเข้าจริงสังคมที่เหลื่อมล้ำกลับเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งนี้ไม่สามารถที่จะเกิดเป็นชีวิตวิถีใหม่ได้ เรียนออนไลน์ระยะสั้นๆอาจเป็นเรื่องที่พอเป็นไปได้บ้าง แต่ในระยะยาวเลยนั้น คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
สิ่งที่เราคิดว่าเป็นปกติใหม่ คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะจำเป็น
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงระยะ 2 – 3 เดือนที่ผ่านมานั้น เกิดขึ้นเพราะภาวะจำยอมต่อสถานการณ์ ทั้งเรื่องของการสวมใส่หน้ากากอนามัย การล้างมือ การรักษาระยะห่างทางสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้แน่นอนว่ายังคงเกิดขึ้นไปอีกระยะหนึ่งแน่ๆตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน แต่เมื่อเกิดการคลายล็อค และสถานการณ์ดูเริ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติ พฤติกรรมเดิมๆที่คนเคยชินกันมาก็จะกลับมา เราจึงฟันธงไม่ได้ว่า New Normal จะเกิดขึ้นจริงแค่ไหน
หลายๆอย่างอาจเป็นแค่เรื่องชั่วคราว
ธุรกิจหลายๆอย่างที่บูมขึ้นในช่วงกักตัว หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าอาจเป็นเรื่องชั่วคราว อย่างการสั่งออนไลน์เดลิเวอรี่มากินที่บ้าน ไม่แน่ว่าพอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น คนก็อาจจะสั่งน้อยลงไปจากเดิม เพราะคนก็อยากกินอาหารนอกบ้าน อยากไปกินที่ร้านเพื่ออารมณ์บรรยากาศที่ดี แม้ในช่วงนี้บรรยากาศจะยังไม่ 100% แต่ต่อไปก็ไม่แน่ บรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของการกินอาหารนอกบ้านก็จะกลับมา เราจึงต้องระมัดระวังให้ดีว่า จะตัดสินใจวางแผนกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ก็อย่าปักใจเชื่อแบบ 100% ว่าสิ่งที่เห็น ณ ปัจจุบัน จะกลายเป็น New Normal เสียทั้งหมด
ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับท่านผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด ขอให้ “ฟังหูไว้หู” อย่าเชื่อข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แม้คุณจะเห็นกับตา นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสิ่งชี้ชัดถึงอนาคตข้างหน้า จงวิเคราะห์ประมวลผล และชั่งใจให้ดีก่อนว่า ระหว่าง Normal กับ New Normal อะไรบ้าง ที่จะเป็นจริงได้ในสังคมไทยของเรา บางครั้งเราดูจากสถานการณ์รอบโลกมากเกินไป จนทำให้เราลืมมองชีวิตวิถีไทยๆที่ไม่เหมือนใครของเราไปก็ได้
