ช่วงวิกฤตโควิด 19 เกิดความวิตกหวั่นใจขึ้นในวงการธุรกิจและแวดวงการตลาดอยู่ตลอดเวลา เกิดคำถามขึ้นมากมายในช่วงนี้ จนกระทั่งสถานการณ์โควิด 19 ในไทยเริ่มคลี่คลายลงแล้ว คนทำธุรกิจและนักการตลาดต่างๆก็ยังงุนงงกันอยู่ว่าจะไปกันต่อในทิศทางไหนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทำการตลาดผ่าน Content Marketing เราจะวางแผนกันอย่างไรต่อไปดีหลังจากนี้
สิ่งหนึ่งที่อยากจะกล่าวให้ทุกท่านได้เข้าใจเพื่อวางใจในเรื่องนี้ให้ดีก่อนก็คือ โดยปกติการทำ Content Marketing มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แม้ไม่มีสถานการณ์ไวรัสเข้ามาสิ่งนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา แต่ยิ่งมีโควิดเข้ามายิ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดความเปลี่ยนแปลงชัดมาขึ้นพอสมควร นั่นจึงทำให้เราเองก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์ Content Marketing ต้องมีการปรับการเล่าเรื่องหรือ Storytelling กันด้วยเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ และหลังจากนี้ต่อไปเราจะไปกันต่ออย่างไร “ปรับแผน” อย่างไรถึงจะเหมาะสม เรามีคำแนะนำมาฝาก
1.ปรับเป้าหมายของกลยุทธ์ Content Marketing
เรื่องแรกที่คุณต้องทำเลยหลังจากสถานการณ์ต่างๆเริ่มกลับมาเป็นปกติก็คือ ทบทวนธุรกิจและกลยุทธ์การทำ Content Marketing ที่ผ่านมาของคุณอีกครั้งว่ามีวัตถุประสงค์อะไร และที่เคยทำมานั้นมัน Work จริงไหม พิจารณาเรื่องนี้กันใหม่ เพราะที่ผ่านมาบางธุรกิจ เลือกใช้ Content Strategy เพื่อเป้าหมายในการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า จึงเน้นการ Storytelling ให้ความรู้และให้ประโยชน์กับลูกค้าแบบฟรี ๆ แต่พอสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ธุรกิจแทบทุกสาขาได้รับผลกระทบ มีรายจ่ายและหนี้สินมากขึ้นจึงต้องกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันใหม่ว่าเป้าหมายจะยังคงเดิมต่อไปหรือไม่
ถ้าคุณมองแล้วว่า Content Marketing ในแบบที่ให้ประโยชน์กับลูกค้าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของบริษัท ก็อาจจะต้องมีการกำหนด Content Strategy กันใหม่ อาจต้องอาศัยการ Storytelling ที่ตรงไปตรงมาว่า เราขายของนะ ขายอะไร ขายยังไงราคาเท่าไหร่ แบบไม่ต้องตีเนียนเข้าไปในคอนเทนต์ คือ ประกาศตรงๆไปเลย อาจไม่สวยหรูเหมือนเดิม แต่ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจได้ดี
2.เลือกกลุ่มผู้อ่าน ผู้ชม และ เลือกประเด็นที่จะ Storytelling ให้เหมาะสม
กลุ่มเป้าหมายที่จะเสพคอนเทนต์ของเราต้องชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงการเลือกประเด็นมาเล่า มาขยายความก็ต้องชัดเจนและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ด้วย คุณต้องพิจารณาว่า Content Marketing ที่จะทำต่อไปหลังจากนี้ จะยังคงกลุ่มเป้าหมายเดิมต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่จะเปลี่ยนแปลงไปยังกลุ่มไหน ต้องกำหนดให้ชัด ถ้ากลุ่มเป้าหมายที่จะรับสารจากเราชัดขึ้น จะทำให้เรากำหนดประเด็นที่จะนำมาเล่าได้ถูกต้องและแคบลง
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายการทำ Content Marketing ไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปแบบ 100% อาจจะมีการเพิ่มหรือลด แล้วแต่ความเหมาะสมก็ได้ สัดส่วนสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
3.โฟกัสให้มากขึ้นกับช่องทางหรือแพลตฟอร์มที่จะใช้
ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะปัดฝุ่นเรื่องช่องทางในการเผยแพร่คอนเทนต์ของคุณ เมื่อก่อนคุณอาจมีแทบทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียที่มีกี่เจ้าก็มีครบทุกเจ้า แต่เอาเข้าจริงยิ่งมีช่องทางมาก ก็ยิ่งเป็นภาระในการบริการจัดการ และการวางแผนเรื่องควงามเหมาะสมในการทำ Content Marketing ให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มนั้นๆ
ในตอนนี้คุณจึงมาดูกันว่าช่องทางเผยแพร่ไหนบ้างที่ให้ผลลัพธ์กับธุรกิจคุณดีที่สุด หนึ่งก็เพื่อลดต้นทุนธุรกิจ สองก็เพื่อลดเวลาลดทรัพยากรแรงงานและบุคคลที่ต้องทำงานลงไปด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ครบ แต่เน้นโฟกัสคอนเทนต์แบบเน้นๆดีกว่า เพราะจะช่วยให้ธุรกิจคุณเดินต่อไปได้ในระยะยาว
4.ปรับเรื่องงบและทรัพยากรในการผลิตคอนเทนต์
ต่อเนื่องจากหัวข้อก่อนหน้า คือ ถ้าคุณโฟกัสแล้วว่าการทำ Content Marketing ของคุณจะเหลือช่องทางในการนำเสนอกี่ช่องทางจะทำให้คุณคำนวณได้เลยว่า ต้องใช้งบประมาณในการทำอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ตัดรายจ่ายอะไรได้บ้าง และต้องใช้กำลังคนกี่คนในการทำ ซึ่งคุณสามารถปรับหรือโยกกำลังคนที่เคยดูช่องทางหนึ่งเข้ามาช่วยอีกช่องทางหนึ่งแทนก็ได้ อย่างเคยทำใน Facebook และ YouTube คู่กัน อาจจะโยกงบและคนที่เคยดูแล Facebook มาสมทบกับฝั่งของ YouTube แทนก็ได้ แบบนี้จะทำให้ช่องทาง YouTube มีความแน่นมากยิ่งขึ้น
5.อย่าลืมปรับการวัดผล Content Marketing ในปีนี้
เมื่อสถานการณ์ในปีนี้ไม่ปกติยาวนานมาก อะไรที่เคยคิดไว้ก็ย่อมไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิดแน่นอน นั่นทำให้ปีนี้การตลาดคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะชี้วัดอะไรได้ชัดเจนแน่นอน เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ และไม่ใช่พฤติกรรมที่แท้จริงของผู้คน เป็นพฤติกรรมที่ปรับไปตามสถานกาณ์ ฉะนั้น การวางกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตามก็อย่าคาดหวังผลสูง คุณจำเป็นที่จะต้องปรับเรื่องของการประเมินผลเอาไว้ด้วย
นี่คือแนวทางในการปรับกลยุทธ์การทำ Content Marketing ในช่วงต่อจากนี้ไป มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องปรับเปลี่ยนเยอะมากทีเดียว คุณจึงต้องรอบคอบและวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ก็หวังว่าแบรนด์ธุรกิจต่างๆจะวางแผนเรื่องนี้กันอย่างรัดกุมก่อนตัดสินใจลงทุนทำอะไรกันนะครับ