#ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน กรณีศึกษา Storytelling ขับเคลื่อนสังคมในแบบ “กรุงไทย”

#ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน เป็นแคมเปญโฆษณา Storytelling ของกรุงไทย ที่สะท้อนภาพของสังคมไทยในอีกมุมหนึ่งได้อย่างชัดเจน และถือเป็นไอเดียโปโมทแบรนด์ที่ดีทีเดียว

460
Storytelling-local-campaigns-krungthai

สถานการณ์ไวรัสร้ายสร้างปัญหาให้กับสังคมมนุษย์เราอย่างยิ่ง แม้ว่าวันนี้ดูสถานการณ์ของไทยเราจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ผลกระทบที่ตามมาได้เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนให้เกิด New Normal ใหม่ๆหลายเรื่อง ที่เห็นชัดเจนมากเลยก็คือ กรณีของธุรกิจ “ร้านอาหาร” เพราะหลายๆร้านต้องหยุดให้บริการ ร้านอาหารที่มีร้านเป็นหลักแหล่งยังพอปรับตัวได้ เพราะยังคงขายผ่านระบบเดลิเวอรี่ได้ แต่ที่ดูจะปรับตัวยากสักนิดก็คือ “ร้านอาหารข้างทาง” ทางธนาคารกรุงไทยมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จึงผุดไอเดียโฆษณาแบบ Storytelling ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นไอเดียโฆษณาที่น่าสนใจ เราจึงขอนำมาเป็นกรณีศึกษาเพิ่มไอเดียให้กับภาคธุรกิจ

 

เริ่มต้นจากการตั้งคำถามเพื่อสังคม

ไอเดียโฆษณาแบบ Storytelling ของทีมงานกรุงไทยชิ้นนี้ เกิดขึ้นจากการมองเห็นคุณค่าและความสำคัญของร้านอาหารข้างทาง ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสังคมไทย ภายใต้สถานการณ์ไวรัสนี้ทำให้ ผู้บริโภคหันมาใช้บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่กันมากขึ้น ซึ่งร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง สามารถเข้าถึงการโฆษณาออนไลน์ได้ บางร้านมีความสามารถโปรโมทร้านผ่านโซเชียลมีเดีย และเชื่อมโยงร้านของตนเองไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์หลายช่องทางได้ แต่นั่นไม่ใช่กับ “ร้านอาหารข้างทาง” ร้านบางร้าน เป็นเพียงร้านรถเข็นธรรมดา ที่อาจจะเร่ขายไปเรื่อยๆไม่มีแหล่งที่แน่นอน แล้วทีมงานกรุงไทยจึงเริ่มตั้งคำถามว่า จะมีส่วนช่วยเหลืออะไรร้านอาหารข้างทางเหล่านี้ได้บ้าง

จากคำถามนั้นจึงนำมาสู้แคมเปญ “ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน” แคมเปญโฆษณา Storytelling เพื่อจุดกระแสความสนใจและความตระหนักถึงความสำคัญของร้านอาหารข้างทางบนโซเชียลมีเดีย โดยทางกรุงไทยได้ใช้ข้อมูลลักษณะพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบถ่ายรูปและรีวิวอาหารรวมถึงร้านอาหารเข้ามาปรับใช้ในแคมเปญนี้ จุดเป็นการจุดกระแสเล็กๆบนโลกโซเชียลขึ้นมา

 

กระแสเล็กๆแต่มีคุณค่า จาก #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน

ปัจจุบันเราทราบกันดีว่าโซเชียลมีเดียนั้นมีพลังมาก ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงสังคมได้เลยทีเดียว กรุงไทยมองเห็นพลังตรงส่วนนี้ จึงจุดกระแสแคมเปญโฆษณา Storytelling ของพวกเขาโดยใช้ # บวกกับประโยคสั้นๆแต่มีพลังรวมกันเป็น #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน ซึ่งทำให้เกิดกระแสการรีวิวร้านอาหารข้างทาง เกิดการช่วยกันโปรโมทร้าน เกิดการชี้เป้าของร้าน มีการบอกเบอร์โทร บอกที่ตั้งของร้าน ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารข้างทาง มีลูกค้าเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ ซึ่งช่วยเปลี่ยนบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหมองหม่นให้กลายเป็นบรรยากาศแห่งความน่ารัก ซึ่งกระแส #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกันนี้ แม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้าง แต่ก็เรียกว่าได้รับความสนใจไม่น้อยเลย Hot ติดเทรนด์Facebook และ Twitter กันพอสมควร ซึ่งตลอดแคมเปญนี้ สามารถที่จะช่วยร้านอาหารข้างทางได้มากถึง10,000 ร้านค้าเลยทีเดียว

 

แคมเปญโฆษณา Storytelling นี้สะท้อนอะไรหลายๆอย่างของสังคมไทยออกมาทั้งเรื่องของจิตใจคนไทย ความมีน้ำใจ พฤติกรรมผู้บริโภค รวมไปถึงสายใยที่เราทุกคนต่างมีความเชื่อมโยงผูกพันกัน “ห่างกันได้ แต่ไม่ได้แปลว่าต้องทิ้งกันไป” นับว่าเป็นไอเดียโฆษณาแบรนด์ที่ดีเลยทีเดียว แบรนด์ธุรกิจไหนที่คิดว่าต้องการโปรโมทธุรกิจตัวเองอย่างสร้างสรรค์แบบนี้บ้าง ลองเก็บไอเดียดีๆแบบนี้ไว้เป็นแนวทางบ้างก็ดี เพราะไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจคุณเป็นที่รู้จักได้ แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยงธุรกิจคุณให้เกี่ยวข้องกับชุมชนได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย