ตอนนี้เดินไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นถึงเรื่องปัญหาปากท้อง ของแพง กำลังซื้อหด เพราะสภาพเศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ บวกกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากปัญหาสงครามการค้าและกรณีพิพาทอื่น ๆ ในขณะที่ประเทศเราก็มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เพิ่งเรียนจบหมาดๆบางคนอาจจบมาได้ไม่นาน ใช้ชีวิตเป็นพนักงานรับเงินเดือนมาสักพักแล้ว เริ่มคิดถึงเรื่องการทำ “ธุรกิจส่วนตัว” เพราะคนรุ่นใหม่มักมีความคิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจกันเยอะ อันเป็นทัศนคติของคนใน Gen ใหม่ ที่ไม่ชอบใช้ชีวิตติดอยู่ในกรอบและต้องการประสบความสำเร็จเร็ว พวกเขาเริ่มมองหาช่องทางในการทำธุรกิจส่วนตัว มองหาช่องทางการสร้างแบรนด์ และก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ ซึ่งดูเหมือนว่าความคิดของพวกเขาจะไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้เสียจริงๆแต่คุณรู้ไหมอันที่จริงแล้วการทำธุรกิจส่วนตัวฝ่ากระแสเศรษฐกิจซบเซานั้นเป็นไปได้ ซึ่งถ้าทำตาม 5 เทคนิคนี้โอกาสที่คุณจะหาช่องทางการสร้างแบรนด์ให้โตภายใต้เศรษฐกิจแบบนี้ก็เป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
1. ธุรกิจส่วนตัวแต่ต้องให้ประโยชน์ส่วนรวม
ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้แปลว่าต้อง “ขายของ” อย่างเดียว สิ่งที่คุณต้องรู้คือผู้บริโภคในวันนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ในความซับซ้อนนั้น ผู้บริโภคก็ยินดีที่จะเปิดใจรับบางสิ่งบางอย่างจากแบรนด์เหมือนกัน ถ้าคุณทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่า เขาได้ “ประโยชน์” หรือ “คุณค่า” อะไรบางอย่างไปจากแบรนด์ของคุณ ฉะนั้น การทำธุรกิจส่วนตัวในวันที่เศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ คุณจะเอาแต่คิดถึงการ “ขาย” ไม่ได้ ต้องคิดถึงการ “แจก” และ “ฟรี” แทน นั่นคือประโยชน์และคุณค่าที่คุณสามารถมอบให้พวกเขาได้
คุณคงสงสัยแล้วสิว่า “แจก” และ “ฟรี” แล้วเจ้าของธุรกิจอย่างเราจะได้อะไร ธุรกิจไม่เจ๊งก่อนหรือ ขอให้คุณยึดหลักนี้ไว้ “ให้สิ่งดีๆกับเขา แล้วเราก็จะได้สิ่งดีๆกลับคืนมา” การให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์และคุณค่ากับผู้บริโภคก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี มีไอเดียธุรกิจ รวมไปถึงกลยุทธ์การตลาดมากมายที่คุณสามารถนำมาใช้ได้โดยที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนที่เป็น “เงิน” มากนัก
อย่าง การทำ Content Marketing มอบบทความดีๆที่ให้สาระความรู้ ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค การ “เล่าเรื่อง” ธุรกิจส่วนตัวของคุณ หรือ storytelling เรื่องราวของคุณให้สนุกสนาน หรือชวนให้พวกเขาฉุกคิด ก็ทำให้พวกเขาเหล่านั้นซึมซับรับรู้ได้ถึงคุณค่าและความจริงใจของแบรนด์คุณ แม้ทั้งหมดจะทำเพื่อโฆษณาสินค้าหรือเพื่อการสร้างแบรนด์ของคุณก็ตาม แต่ถ้าการ storytelling เหล่านั้นน่าสนใจและมีคุณค่าจริงๆผู้บริโภคเขาก็พร้อมเปิดใจยอมรับและพร้อมที่จะเปลี่ยนสถานะกลายมาเป็นลูกค้าได้อยู่เหมือนกัน
2. ธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่ใช่โลกส่วนตัว
ยุคนี้เรามีเครื่องมือและแพลตฟอร์มให้เลือกใช้มากมาย ตั้งแต่เว็บไซต์ โซเชียลมีเดียไปจนถึงแอปพลิเคชัน ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อให้มนุษย์ใช้สื่อสารและพูดคุยปฏิสัมพันธ์กัน ฉะนั้น จงอย่าทำธุรกิจส่วนตัวให้เป็นโลกส่วนตัวของคุณคนเดียว คุณจะเปลี่ยนใครให้มาเป็นลูกค้าคุณได้ในยามที่กระเป๋าเงินพวกเขาไม่พร้อมจะจ่ายออกแบบนี้ คุณจำเป็นมากที่จะต้องสร้างความสัมพันธ์ให้แนบแน่นเกิดความเชื่อใจเหมือนเป็นเพื่อนหรือญาติสนิท
ฉะนั้น การทำContent Marketing บนแพลตฟอร์มต่างๆอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะทั้งหมดนี้ก็คือ การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แค่คุณหาเรื่องเล่าดีๆมา storytelling ให้พวกเขาฟังแบบขำๆ ตอบกลับโดยประโยคสั้นๆไม่เป็นทางการ หรือแม้กระทั่งการกดไลค์กลับก็มีความหมายไม่น้อย การให้ความสำคัญกับที่เหมือนจะเล็กน้อยแบบนี้ ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจมาเป็นลูกค้าคุณได้เหมือนกันนะ แม้เงินจะหายาก แต่พวกเขาก็จะคิดว่า “เหมือนพี่น้องกัน” แบ่งปันกันไป
3. ใส่ไอเดียธุรกิจลงไปในทุกโพสต์
ถ้าคุณเน้นการทำธุรกิจส่วนตัวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การทำ Content Marketing ก็เป็นเรื่องสำคัญ จะโพสต์อะไรก็จงวางแผน ใส่กลยุทธ์การตลาด ใส่ไอเดียธุรกิจลงไปด้วยเสมอ อย่างอะไรที่เป็นสาระความรู้ หรือออกวิชาการมากๆก็น่าจะลองเปลี่ยนมาใช้วิธี storytelling ให้เรื่องดูเบาๆลงและเข้าถึงง่ายขึ้น ถ้าคุณทำไม่ได้ ก็เรียกใช้บริการรับเขียน storytelling จากผู้เชี่ยวชาญก็ได้ เดี๋ยวนี้มีบริการด้านนี้เพื่อธุรกิจส่วนตัวเกิดขึ้นแล้วนะ หรือ ง่ายๆก็แค่ใช้ “#” เข้าช่วย แต่อย่าใช้บ่อยเกินไป เพราะจะลดความน่าสนใจของเนื้อหาได้เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วินัยและความสม่ำเสมอในการโพสต์ ไม่มีโฆษณาสินค้าไหนยิง Ad ครั้งเดียวแล้วขายได้หรอก
4. เจ้าของธุรกิจคิด Positive ลูกค้าก็จะ Active
อย่ามัวท้อถอดใจหรือกลัวภัยเศรษฐกิจซบเซาจนทำให้คุณไม่กล้าคิด ไม่กล้าออกไอเดียธุรกิจที่สร้างสรรค์ คุณต้องกล้าคิดบวกไว้ก่อน มองว่าเศรษฐกิจซบเซาแบบนี้หลายๆธุรกิจเขาจะไม่กล้าขยับตัว ก็นี่แหละคือเวลาที่ธุรกิจส่วนตัวของคุณจะเฉิดฉาย อย่าทำแบบกลัวๆแล้วเอาแต่นั่งรอลูกค้าอยู่ฝ่ายเดียว ลองพกพาไอเดียธุรกิจที่สร้างสรรค์เข้าไปหาลูกค้า หาช่องทางจัดกิจกรรม Event หรือแม้กระทั่งโปรโมชั่นสินค้าบ่อยๆ หรือการจะหาคอนเทนต์แปลกๆแฝงโฆษณาสินค้ามา storytelling ให้ลูกค้าได้อ่านบ้างก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นลูกค้าให้เกิดความสนใจในธุรกิจส่วนตัวของคุณ การสร้างแบรนด์ก็จะเริ่มเห็นเค้าลางความสำเร็จ ลูกค้าจะเริ่มเกิดความสนใจที่จะซื้อ เมื่อลูกค้า Active ยอดขายของคุณเดินต่อไปได้ในทุกๆเดือน แม้เศรษฐกิจจะไม่อำนวยก็ตาม
5. ขยายฐานลูกค้าเมื่อถึงช่วงจังหวะและโอกาส
เศรษฐกิจไม่ดีคนทำธุรกิจส่วนตัวส่วนใหญ่ก็มักจะไม่กล้าขยับลงทุนอะไรมาก เพราะกลัวจะพลาด แต่อย่ากลัวจนเกินไป ถ้าธุรกิจส่วนตัวของคุณมีลูกค้าแล้ว ก็ขอให้ลองมองหาโอกาสขยายฐานลูกค้าด้วย หรือมีลูกค้าแล้ว แต่ตลาดตีบตัน ก็ต้องลองมองหาช่องทางในการเป็นกลุ่มเป้าหมายเพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าได้ อย่าลืมว่าลูกค้าเก่าก็มีโอกาสจะหายไปได้ ฉะนั้น การหาลูกค้าใหม่ๆ หรือตลาดใหม่ๆในการกระจายสินค้าและบริการเป็นสิ่งที่จำเป็น
นี่คือ 5 เทคนิคในการทำธุรกิจส่วนตัวที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในสภาพสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบทั่วถึงกันอย่างนี้ ใครที่กำลังต้องการสร้างแบรนด์ ไม่ต้องกลัวเศรษฐกิจมีขึ้นมีลง แค่หาเทคนิคที่เหมาะสม หากลยุทธ์การตลาดที่ใช่ โอกาสที่จะไปรอดในการการทำธุรกิจก็มีอยู่เสมอ