ผู้ประกอบการไทยจะไปต่ออย่างไร เมื่อเศรษฐกิจไทยทรุดหนัก

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 63 นี้เผชิญวิกฤตปัจจัยภายนอกและภายในรอบด้าน แล้วผู้ประกอบการอย่างเราจะปรับตัวกันอย่างไรดี

crisis-1276276_1280

ตอนนี้จะมองไปทางไหนก็มีแต่ความ “หดหู่” เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในตอนนี้ที่มีแต่ “ทรุด” กับ “ทรุด” ซึ่งจากปัญหาการเมืองก็ทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโตอยู่แล้ว นี่ยังเจอปัญหาไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เข้าไปอีกยิ่งทำให้สถานการณ์แย่เข้าไปอีก เพราะนักท่องเที่ยวจีนหายไป ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ไทยจึงได้รับผลกระทบตามๆกันไป ตั้งแต่เรื่องการบิน ท่องเที่ยว ไปจนกระทั่งการค้าขาย อย่างการค้าปลีกที่รายได้จะหดหายไปเป็นจำนวนมาก นี่ยังไม่รวมเรื่องการส่งออกที่จะติดลบหนักไปอีกหลายเดือน ยิ่งคิดจึงยิ่งรู้สึกหนักในแทนผู้ประกอบการ

ด้วยภาพสถานการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เราทุกคนพอจะคาดเดาภาพเศรษฐกิจไทยได้อยู่แล้ว แต่ยิ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ประกาศลดการประมาณการเศรษฐกิจของประเทศไทย(GDP)เหลืออยู่ที่ 1.5-2.5% ต่อปี ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในปี 63 นี้ฝืดหนัก ซึ่งก็น่าสนใจว่าภาครัฐจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ซึ่งหากมองกันในตอนนี้ทีมเศรษฐกิจของภาครัฐก็ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดูว่าจะยังหาทางออกที่ดีไม่ได้เลย

สิ่งที่ทางภาครัฐพยายามจะผุดไอเดียออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยก็คงไม่พ้นเรื่องเดิมคือ “การท่องเที่ยว” โดยพยายามที่จะให้เกิด “ไทยเที่ยวไทย” มากขึ้น แต่อย่างที่หลายคนพูดก็ถูกว่า “คนไม่มีตังค์จะไปเที่ยวได้ไง” นี่จึงเป็นปัญหาที่หนักทีเดียวสำหรับทีมเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะต้องพยายาม หาทางออกที่ดีกว่าเรื่องการพึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในสาขาต่างๆที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว คงจะเกิดคำถามว่า จะรับมือเรื่องนี้กันอย่างไร หากจะมองกันให้ขาดจริงๆต้องบอกว่า มีธุรกิจ SMEs บางส่วนได้รับผลกระทบน้อยจากเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในธุรกิจบริการ และ อยู่ในกลุ่ม B2C ส่วนธุรกิจบริการที่อยู่ในกลุ่ม B2B ก็ได้รับผลกระทบอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะลูกค้ากลุ่มธุรกิจจะเริ่มเซฟเงินในการวางกลยุทธ์การตลาด การโฆษณามากขึ้นกว่าเดิม คือจะลงทุนอะไรจึงต้องคำนึงอย่างหนักว่าจะได้ผลหรือไม่

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะลงทุนมากหรือน้อยในเรื่องกลยุทธ์การตลาด หากผู้บริโภคปลายน้ำมีสภาพการเงินที่ฝืดเคืองและเกิดความไม่มั่นใจในการใช้จ่าย ก็ทำให้ผู้ประกอบการยากที่จะทำกลยุทธ์การตลาดประสบความสำเร็จ กระตุ้นยอดขายได้ตามที่วางเป้าหมายไว้ ฉะนั้น ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือ ประคองธุรกิจของตนเองเอาไว้ ลงทุนในกลยุทธ์ระยะสั้นที่สามารถกระตุ้นยอดขายแบบชั่วคราวได้ก่อน หากจะมีการลงทุนในระยะยาว ก็ควรเป็นการลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีที่น่าจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปต่อได้ในระยะยาว เพราะหลังจากวิกฤตทุกอย่างจบลง เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ธุรกิจคุณก็จะยังไปต่อได้และอาจจะเป็นผู้นำในตลาดได้เลย

เราเป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทยทุกรายให้ทุกคนสามารถฝ่าฟันปัญหาเศรษฐกิจไทยในครั้งนี้ไปให้ดได้ และขอให้ทุกท่านอย่างเพิ่งท้อ เพราะวิกฤตเข้ามาได้ก็จะต้องออกไปได้ในที่สุด ตั้งสติให้ดี อย่าใจร้อนแล้วทุกอย่างจะคลี่คลายได้เอง