สำหรับภาคอุตสาหกรรมไทยแล้วภาครัฐหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่า จะส่งเสริมการลงทุนสนับสนุนในส่วนของ S-curve ซึ่งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมาก็พบว่ากลุ่ม S-curve ได้มีการยื่นเสนอขอให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมในเรื่องของระบบ Automation ที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์และเทคโนโลยีระดับสูงต่างๆมากถึง 286,517 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเรื่องของระบบอัตโนมัติกำลังเป็นกลไกที่สำคัญอย่างไรในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค
หากย้อนกลับไปดูปี 61 กลุ่มอุตสาหกรรม S-curve เน้นการสนับสนุนในเรื่องของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ แต่พอมาปี 2562 กลุ่มอุตสาหกรรม S-curve ก็ขยับขึ้นมาให้ความสำคัญต่อยอดจากเดิมคือเรื่องของ Automation หรือระบบอัตโนมัติมากขึ้น สิ่งนี้สะท้อนว่าโลกในขณะนี้กำลังจะก้าวไปทางไหน วงการอุตสาหกรรมกำลังเน้นในเรื่องของระบบอัตโนมัติ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ แขนกล เครื่องจักรอัตโนมัติที่เป็นเครื่องทุนแรงอย่าง เครื่องพันพาเลท หรือแม้กระทั่งเล็กลงไปถึงขั้นเครื่องรัดกล่องเองก็รวมอยู่ในระบบดังกล่าวนี้ด้วย
มีความเห็นจากฝั่งผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสต์ติกอย่าง บริษัท เพกาซัส เออีซี ที่ให้ทัศนะที่น่าสนใจว่า แม้ภาครัฐจะออกมาตรการที่จูงใจกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม S-curve อย่างการยกเว้นภาษีรายได้นิติบุคคล ซึ่งน่าสนใจก็จริง แต่นั่นก็ยังไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมระดับอาเซียน สิ่งที่ดูจะดึงดูดมากกว่าก็คือเรื่องของ Automation ที่ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมมองเห็นโอกาสที่จะโตไปข้างหน้าได้อย่างมากมาย เพราะเมื่อมีระบบอัตโนมัติเข้ามาจะทำให้เรื่องของการวางโครงสร้างพื้นฐานระบบการทำงานต่างๆกลายเป็น high technology ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วขึ้น และลดต้นทุนธุรกิจไปได้มากในขณะที่ผลผลิตและการประกอบการกับทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เดิมคาดการณ์ไว้ว่า ระบบ Automation จะเผยโฉมการทำงานได้อย่างเต็มอัตราศึกมากขึ้นในปี 63 นี้ โดยที่จะเห็นเป็นรูปธรรมก็คงจะเป็นเรื่องของการผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพราะในอีกไม่ช้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์แบบเดิมๆ ในขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จึงเริ่มเดินหน้าเร่งผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้ากันอย่างเต็มที่มากขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้การผลิตเป็นไปได้รวดเร็วสอดรับกับความต้องการของโลกในขณะนี้ก็คือ ระบบ Automation นั่นเอง แต่ด้วยสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดง่าย ๆ คงส่งผลให้เรื่องการลงทุนกับระบบ Automation ชะลอกันไปในช่วงนี้
ยังไม่มีใครรู้ว่าไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 จะไปสิ้นสุดเอาตอนไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรวิกฤตจะต้องผ่านไป ซึ่งผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมไทยก็ควรเริ่มต้นวางแผนฟื้นฟูธุรกิจไปพร้อมๆกับเริ่มพิจารณาถึงเรื่องการลงทุนในระบบ Automation กันด้วย เพราะหลังจากผ่านพ้นวิกฤตไปการเร่งมือผลิตและการแข่งขันจะสูงขึ้น ทุกอุตสาหกรรมจะนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เทคโนโลยีการแพทย์ต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่จะต้องอาศัย high technology เหล่านี้กันอย่างแน่นอน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทั้งหลายจึงควรเตรียมปรับตัวรับในเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องของเงินที่จะลงทุนรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนด้านแรงงานให้สอดคล้องกับระบบงานที่จะเปลี่ยนไปด้วย