หากคุณมีความสนใจและต้องการที่จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Storytelling มาช่วยให้แบรนด์และสินค้าของคุณมีเรื่องราวสนับสนุน และให้เกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเริ่มคุณจะต้องเข้าใจสิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งก่อนว่า “สไตล์ของคุณเป็นอย่างไร” สิ่งเหล่านี้จะช่วยบอกให้คุณรู้ว่า คุณควรเลือกช่องทางไหนในการขายสินค้า เช่น ขายแบบมีตัวแทนจำหน่ายหรือผลิตและจำหน่ายเองไปเลย ซึ่งถ้าคุณชัดเจนในส่วนนี้จะช่วยทำให้คุณเลือกใช้กลยุทธ์ Storytelling อย่างได้ผลมากขึ้น และสามารถขยายเรื่องราวของแบรนด์ไปได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วย
ชอบติดต่อผู้คน จะ Storytelling อย่างไรดี
ถ้าคุณรู้สึกสนุกกับการได้ติดต่อสื่อสารพูดคุยต่อรองราคากับลูกค้า มองว่างานที่วุ่นวายโกลาหลเป็นเรื่องสนุกท้าทาย รับได้กับการติดต่อประสานงาน ความวุ่นวายก็จะมีเข้ามาในหลากหลายรูปแบบ แบบนี้คุณก็เหมาะกับการทำธุรกิจที่จะต้องมีตัวแทนจำหน่าย ซึ่งถ้าคุณมีการสร้าง brand story เอาไว้ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการขาย เพราะเรื่องเล่าของแบรนด์จะช่วยให้คุณสามารถ Storytelling ธุรกิจทั้งแบรนด์และสินค้าไปได้อย่างไม่รู้จบ และมีส่วนช่วยอย่างมากให้ตัวแทนคุณประสบความสำเร็จในการขาย แต่อย่างไรก็ดี ก็จะต้องรู้ไว้ด้วยว่าคุณก็จะมีปัญหาในภาพรวมเยอะและจะต้องมีความใส่ใจในรายละเอียดค่อนข้างมาก จะต้องรอบคอบในการแก้ปัญหาในทุกระดับชั้นมากขึ้นด้วย
ธุรกิจที่จะต้องมีตัวแทนจำหน่ายในเรื่องของรายได้และกำไรอยู่ที่จำนวนตัวแทนเป็นสำคัญ ยิ่งตัวแทนเยอะมีการสั่งสินค้าไปสต็อกให้ลูกค้าได้เรื่อยๆมากเท่าไหร่ แสดงว่าสินค้าคุณมีการสั่งซื้อซ้ำและใช้ดีมีการบอกต่อ จะทำให้เกิดตัวแทนมากยิ่งขึ้น สิ่งที่จะช่วยให้เกิดการบอกต่อได้ง่ายมากขึ้นก็คือ การมีเรื่องให้เล่า อย่างการสร้าง brand story ถือว่าสำคัญมากเมื่อแบรนด์มีเรื่องเล่า ก็ทำให้แบรนด์ดูสนุกและมีชีวิตชีวา เทคนิค Storytelling จึงสำคัญมากกับการทำธุรกิจสไตล์นี้ ถ้าสร้างเรื่องเล่าของแบรนด์ดีๆได้ หรือมีเรื่องเล่าอย่างต่อเนื่องก็จะเกิดการบอกต่อจากปากต่อปากต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่จำกัดทั้งในและต่างประเทศ เหมือนกับว่าเราออกแรง Storytelling สร้างเรื่องเล่าดีๆมากเท่าไหร่ รวมถึงใช้ทรัพยากรทุกอย่างมากเท่าไหร่ก็ได้ผลตอบแทนที่มากตามไปด้วย
ไม่ชอบเรื่องจุกจิก Storytelling แบบไหนดี
ถ้าคุณไม่ได้ต้องการเจอกับสังคมที่มากหน้าหลายตาจนเกินไป เน้นในการทำหน้าที่ของตนเอง หรือต้องการเวลาในการพัฒนาสินค้าและบริการ เน้นเรื่องของสมดุลในชีวิต ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับเวลาการบริหารจัดการที่เสียไปแบบนี้คุณก็เหมาะกับการทำธุรกิจแบบที่สินค้าผลิตและจำหน่ายเองไม่ต้องมีตัวแทนจำหน่าย ซึ่งสิ่งที่คุณต้องการก็คือ โฆษณาและนำเสนอสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น คุณจะมี brand story หรือไม่ก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ คุณต้องมีการใช้เทคนิค Storytelling อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพราะถ้าคุณมีการใช้เทคนิค Storytelling อธิบายสินค้าหรือจูงใจลูกค้าให้เข้ามา ทุกอย่างจะถูกอธิบายและทำให้เข้าใจได้ง่ายในตัวมันเอง
คุณจะต้องเลือก Storytelling ในเรื่องที่แปลกใหม่น่าสนใจ อย่างเรื่องเล่าตลก เรื่องดราม่าสอดรับกับสถานการณ์ของสังคม นี่คือกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคเลย การผลิตเองและขายเองกลยุทธ์ที่เหมาะสมคนเน้นไปที่ประโยชน์และอารมณ์ของผู้คนจึงจะได้ผลดี
ในสมัยนี้ลูกค้าและผู้ขายไม่จำเป็นจะต้องเจอกัน แต่ก็เกิดการซื้อขายกันได้แล้วด้วยช่องทางหลากหลาย ฉะนั้น อะไรที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักคุณ ประทับใจ และเกิดการซื้อซ้ำ คำคอบก็คือ การมีเรื่องราวให้พวกเขานำไปเล่ากันต่อ ไม่ว่าคุณจะมีสไตล์หรือบุคลิกการทำธุรกิจแบบไหนก็ตามเทคนิค Storytelling ก็ยังคงสามารถปรับใช้ได้เสมอ แบบนี้แล้วคุณก็น่าจะลองใช้กันดูบ้าง ไม่แน่ธุรกิจคุณอาจจะปังและสร้างยอดขายได้มากกว่าที่คิดก็ได้นะ