ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ ความสุขจากปลายพู่กันสู่สีสันอัตลักษณ์บนผืนผ้า

ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ ผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนอ.คลองหลวง ปทุมธานี ที่เริ่มจากใจและทำด้วยสองมือ จนได้มาซึ่งศิลปะบนผืนผ้าที่สร้างคุณค่าให้ใจคน

922
banhattasin-cover

“ที่รัก มื้อเย็นวันนี้มีอะไรทานมั่งจ๊ะ  ทำอะไรง่าย ๆ ก็ได้นะ ผมทานได้ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

ถ้อยคำและเสียงของเขายังดังก้องอยู่ในความทรงจำของ “ป้าโรส” อยู่เสมอ แม้เขาจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดอันอ่อนหวานของเขายังคงประทับอยู่ในใจเธอไม่มีวันจางหายไป เธอเล่าเรื่องราวของเขาให้เราฟัง ราวกับเรื่องต่าง ๆ เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวันวาน เบื้องหลังประตูไม้สีเขียวสุดเก๋แปลกตาบานนั้น ที่เธอได้เชื้อเชิญให้เราเดินผ่านเข้าไป เหมือนมีอะไรบางสิ่งที่ดีต่อใจซ่อนอยู่มากมาย และ ณ ที่นั่นทำให้เราได้พบกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ แบรนด์เสื้อผ้าสตรีที่เต็มไปด้วยอัตลักษณ์ในแบบฉบับที่ไม่ซ้ำใคร

Passion 

“จริง ๆ แล้ว ศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานะ จะเรียกว่าเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก็ว่าได้ และศิลปะยังเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสุขได้ด้วย” 

ถ้อยคำของ คุณสุรางรัตน์ สมุทรกลิน หรือป้าโรส ดึงสติเรากลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เราละลานตาไปกับภาพสวย ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าสตรีหลากหลายแบบ เราหันไปหาป้าโรส และพยายามส่งยิ้มให้เป็นการตอบรับไมตรี แม้จะเป็นรอยยิ้มภายใต้แมสก์ แต่เธอก็คงรับรู้ได้ ขณะที่เราจ้องมองไปป้าโรสก็อดคิดไม่ได้เลยว่า สุภาพสตรีวัยปลดเกษียณเช่นเธอ น่าจะมีไลฟ์สไตล์ชีวิตแบบที่เราทุกคนคุ้นเคย คือใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ไม่ต้องรับผิดชอบหน้าที่อะไร และมีความสุขกับลูก ๆ หลาน ๆ แต่นั่นกลับไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของป้าโรสเลยสักนิด เพราะผลงานผลิตภัณฑ์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์สุดสร้างสรรค์ที่เราเพิ่งชื่นชมจนอยู่ในภวังค์เมื่อสักครู่นี้เป็นสิ่งที่สะท้อนเลยว่า ไฟในการทำงานของป้าโรสยังคงลุกโชนอยู่เต็มเปี่ยม

บทสนทนาของเรากับป้าโรสเริ่มดำเนินต่อไป จากความสงสัยที่ว่าผลงานผลิตภัณฑ์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้ป้าโรสได้ย้อนเรื่องราวอันเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงให้เราได้ฟังว่า ในวัยเด็กของเธอมีความผูกพันอยู่กับงานศิลปะมาโดยตลอด และผู้ที่ปลูกฝังพร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เธอเกิดความหลงใหลในศิลปะก็คือ คุณพ่อของเธอเอง คุณพ่อของเธอเป็นผู้ที่หลงใหลในงานศิลปะ จึงทำให้เธอมีโอกาสซึมซับสุนทรียศาสตร์ของงานศิลป์มาตั้งแต่วัยเยาว์ นานวันเข้าสิ่งที่ซึมซับเข้าไปก็บ่มเพาะจนกลายเป็นความหลงใหลชื่นชอบ ถึงขนาดใฝ่ฝันว่า เมื่อโตขึ้นจะต้องสร้างงานศิลปะให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนทั่วไปแบบคุณพ่อให้ได้

แต่เธอก็รู้ว่าแค่ความหลงใหลเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เธอต้องศึกษาต่อเพื่อเพิ่มพูนทักษะและความรู้ด้านศิลปะให้มากขึ้น และจะก้าวไปสู่การเป็นมืออาชีพได้ก็ต้องเข้าหาสถานที่ที่ผลิตยอดศิลปินมืออาชีพมาแล้วมากมาย อย่าง โรงเรียนเพาะช่าง เธอไม่รั้งรอเธอเดินหน้าสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนเพาะช่าง และตั้งใจศึกษาเรียนรู้ด้านจิตรกรรมอย่างมุ่งมั่น เรียกได้ว่าบริบทแวดล้อมในชีวิตวัยเด็ก เป็นสิ่งที่หล่อหลอมเธอให้เกิด Passion ในงานศิลปะและการวาดภาพนั่นเอง

 

สีสันของชีวิตที่ปลายพู่กัน

หลังจากศึกษาจบ โอกาสในหน้าที่การงานก็เข้ามาสู่เธอในทันที ทั้งงานส่วนเอกชนและงานราชการ เธอเลือกที่เริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตการทำงานจากสายงานเอกชนดูสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงขยับเข้ามาหาความมั่นคงในสายงานราชการ แม้ว่าหน้าที่การงานที่รับผิดชอบจะดึงเธอออกจากงานศิลปะที่เธอหลงรักบ้าง แต่เธอก็ยังมีช่วงเวลาที่จะกลับเข้ามาหางานศิลปะที่เธอรักอยู่เสมอ จึงทำให้เธอสนุกและมีความสุขไปกับหน้าที่การงานได้โดยไม่รู้สึกฝืนใจแต่อย่างใด 

ในช่วงเวลานี้เองเธอก็ได้พบ “เขา” คนนั้น และปลูกต้นรักน้อย ๆ ไปด้วยกัน จนต้นรักเติบโตออกดอกและเบ่งบาน ทั้งคู่จึงแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีบุตรด้วยกันถึง 2 คน ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยสีสันที่งดงาม ดูราวกับว่าทุกอย่างถูกสรรค์สร้างขึ้นมาจากสุดยอดศิลปินนักออกแบบ แต่…ชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันอันสดใสของเธอนี้ กำลังจะถูกแทนที่ด้วยสีเทาอันหม่นหมอง…

 

ชีวิตจริงที่อยู่ข้างหลังภาพ

หากเปรียบชีวิตของคนเราเหมือนดังภาพ ๆ หนึ่ง ผลงานภาพวาดอันสวยสดงดงามที่ปรากฏอยู่ด้านหน้านั้นก็คงเหมือนชีวิตในอุดมคติของเรา ที่เราจะฝันหรือจินตนาการอย่างไรก็ได้ แต่ถ้ามองให้ทะลุเข้าไปยังข้างหลังภาพก็จะพบว่าชีวิตจริง ๆ ที่ไม่ปรุงแต่ง และไม่ได้สดสวยกลับอยู่ตรงนั้น โลกความเป็นจริงอยู่ข้างหลังภาพนั่น และเช่นกันกับเรื่องราวของป้าโรสที่เธอกำลังเล่าให้เราฟัง… 

และแล้วเส้นทางชีวิตที่ดูจะราบรื่นเป็นไปด้วยดี วันหนึ่งก็ต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อสามีของเธอล้มป่วย และมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนถึงขนาดไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ในช่วงเวลานั้นเธอจะต้องแบกรับภาระชีวิตรอบด้าน ต้องทำงาน ต้องดูแลสามีที่ล้มป่วยและยังต้องดูแลสนับสนุนลูก ๆ ที่อยู่ในวัยกำลังศึกษาเล่าเรียน ความรับผิดชอบในหน้าที่ทางราชการเธอก็มีอยู่ไม่น้อย ขณะที่คู่ชีวิตคนที่เธอรักและห่วงใยก็ต้องคอยดูแล ทำให้เธอเริ่มจัดสมดุลในชีวิตไม่ได้ เพราะไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าปัญหาอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามาในแต่ละวันจะมีอะไรบ้าง แม้เธอจะเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา แต่ในบางครั้งปัญหาก็ถาโถมเข้ามาอย่างหนักจนเธอแทบจะรับมือไม่ไหว เธอจึงเริ่มคิดถึงว่า จะต้องหาคนมาช่วยดูแลสามีเธอในระหว่างที่เธอไปทำงาน แต่แล้วสุดท้ายเธอก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป เพราะภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาช่วยดูแลก็ไม่น้อย ในระยะยาวสิ่งนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหม่ที่สร้างความหนักใจให้เธอ อีกทั้งเธอต้องการจะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ จึงจะขอดูแลสามีด้วยตนเอง แต่เมื่อมีภาระหน้าที่การงานที่รั้งรอค้ำคออยู่แบบนี้เธอจะทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร

เมื่อชีวิตเดินมาถึงทางแยกที่จะต้องเลือกว่าระหว่าง “การงานที่มั่นคง” กับ “คู่ชีวิตของเธอ” ก็นับเป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่ง และในที่สุดแล้วป้าโรสเลือกที่จะฟังเสียงจากหัวใจของตนเอง ไม่ว่าชีวิตวันข้างหน้าจะต้องพบเจอกับสิ่งที่เลวร้ายอะไรอีกบ้าง ก็ขอให้เธอได้อยู่เคียงข้างกับคนที่เธอรักเสมอ จับมือแล้วเดินฝ่าฟันไปด้วยกันแค่นี้ก็อุ่นใจแล้ว เธอจึงตัดสินใจปลดเกษียณจากชีวิตราชการ เพื่อมาใช้เวลาดูแลคู่ชีวิตของเธออย่างเต็มที่

 

ทำสิ่งที่รักเพื่อผลักทุกข์จากสิ่งที่เลือก

จากชีวิตที่เคยมั่นคงไม่ง่ายเลยที่จะต้องปรับตัวกับรูปแบบชีวิตที่ไม่คุ้นเคยและเต็มไปด้วยภาระ ทั้งการรับผิดชอบดูแลทั้งสามีที่ป่วยและลูกอีก 2 ที่กำลังศึกษาเล่าเรียน เรียกว่าในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของป้าโรสเลยทีเดียว ขณะที่เธอเป็นทุกข์ใจเธอเลือกที่จะกลับมาจับพู่กันอีกครั้ง และแปรเปลี่ยนความทุกข์ใจระบายออกไปกลายเป็นงานศิลปะที่สะท้อนความรู้สึก ช่วงเวลาที่เธอได้จับพู่กันและบรรจงถ่ายทอดสีสันต่าง ๆ ออกมาเป็นงานศิลป์นับเป็นช่วงเวลาที่เธอได้หวนกลับมาพบความสุขในชีวิตอีกครั้ง เธอรู้สึกว่านี่คือมุมพักใจและเป็นความสุขใกล้ตัวสำหรับเธอ จากจุดนั้นเธอจึงเริ่มเกิดไอเดียว่าทำไมเธอไม่ลองนำสิ่งที่เธอรักมาช่วยวาดเส้นทางชีวิตใหม่ให้ครอบครัวดูล่ะ

 

หยิบพู่กันวาดเส้นทางชีวิตใหม่

ป้าโรสเธอเริ่มลงมือสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพวาดที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และเริ่มนำไปจัดแสดงตามงานต่าง ๆ เมื่อมีคนให้ความสนใจ เธอเริ่มจำหน่ายผลงานภาพวาดของเธอ และนั่นทำให้เธอเริ่มมีรายได้เข้ามา ผลงานของเธอไม่เพียงได้รับความสนใจแค่คนไทยที่รักงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่ชอบในงานศิลปะด้วย ผลงานของเธอเริ่มขายได้บ่อยขึ้นและก็สร้างรายได้ที่มากขึ้นให้กับเธอ จนเธอเริ่มเห็นช่องทางในการทำสิ่งที่รักเป็นอาชีพเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว 

วิกฤตต่าง ๆ ที่เธอได้เผชิญมาค่อย ๆ เริ่มคลี่คลายลงไปทีละน้อย เธอรู้สึกว่าการตัดสินใจเกษียณจากชีวิตราชการก่อนกำหนดนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะนั่นทำให้เธอได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เธอรักถึง 3 สิ่งแบบครบถ้วน คือ สามี ลูก ๆ และงานศิลปะ เธอได้ใช้ความรักที่เธอมีต่องานศิลปะแปรเปลี่ยนมาเป็นเวลาและรายได้ที่จะมอบให้สามีและลูก ๆ จนในที่สุดก็ใช้รายได้ตรงนี้ส่งลูกเรียนจนจบปริญญา

เริ่มด้วยใจทำจากมือคือบ้านหัตถศิลป์

“จากการที่ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตป้าและป้าก็รู้สึกว่าสิ่งนี้มอบความสุขและทำเป็นอาชีพได้ จึงคิดว่าน่าจะแบ่งปันคนอื่นได้รับรู้จะได้ช่วยกันต่อยอดออกไป”

ป้าโรสกล่าวถึงที่มาของการเริ่มต้นก่อตั้ง “บ้านหัตถศิลป์” ในปี พ.ศ. 2550 อันเป็นเป็นแหล่งสร้างสรรค์งานศิลปะประยุกต์บนผืนผ้า หรือที่เรียกอีกอย่างได้ว่า “ผ้าเขียนลาย” อันเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากงานศิลปะของป้าโรสเอง ที่มองว่า “ศิลปะเป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” แต่การที่จะทำให้คนรู้สึกได้ว่าศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ก็จะต้องมีการประยุกต์ให้เข้ากับสิ่งของเครื่องใช้ใกล้ตัว ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ชีวิตตามแต่ละโอกาสได้อย่าง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ เหล่านี้เป็นต้น และในช่วงที่เธอยังทำงานรับราชการเธอเคยทำงานร่วมกับคนในวงการแฟชั่นทำให้เธอ มีประสบการณ์และความเข้าใจในเรื่องของแฟชั่นอยู่บ้าง  เมื่อเธอนำมางานศิลปะมาพัฒนาร่วมกับไอเดียทางแฟชั่น จึงสร้างสรรค์ออกมาเป็นผ้าเขียนลาย อันเป็นผลิตภัณฑ์ด้านเสื้อผ้าที่โดดเด่นเรียบหรู ดูดี มีรสนิยม และมีอัตลักษณ์เฉพาะแตกต่าง  

เมื่อเธอลองนำออกจำหน่ายก็ได้รับการตอบรับจากตลาดอยู่พอสมควร เมื่อเห็นโอกาสที่จะพัฒนาต่อยอดออกไปได้อีก เธอจึงก่อตั้งสถานที่สร้างสรรค์งานศิลปะผ้าเขียนลายในนาม “บ้านหัตถศิลป์” และผลักดันให้เกิดเป็นวิสาหกิจชุมชน เพื่อที่จะให้เป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปะประยุกต์บนผืนผ้าสำหรับผู้คนที่สนใจทั้งในและนอกชุมชน และเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนด้วย ซึ่งผ้าเขียนลายเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและต้องมีความประณีตสูง เพื่อให้ได้ลวดลายอันมีเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม จึงต้องมีการให้ความรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนถึงจะทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมามีคุณภาพ

 

กำลังใจที่ไม่เคยจางหาย

การก่อตั้งบ้านหัตถศิลป์และการผลักดันผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ให้มีมาตรฐานเหมาะสมกับการเป็นผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนและเป็นสินค้าของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฟันฝ่าอะไรมามากมายเช่นกัน แต่ป้าโรสเองก็ไม่เคยถอดใจเพราะเธอมีคู่ชีวิตของเธอคอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ดูแลกันมานานอาการของสามีเธอก็ทุเลาขึ้น แม้จะเดินไม่สะดวก แต่ก็ยังพอที่จะดูแลตัวเองได้ระดับหนึ่งและยังขับรถได้ เมื่อป้าโรสมีภารกิจที่จะต้องเดินทางไปนำเสนอผลงานผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ตามที่ต่าง ๆ สามีของป้าโรสก็จะอาสาเป็นคนขับรถพาป้าโรสไปทุก ๆ ที่ ป้าโรสเองก็เป็นคนจำทางไม่ค่อยเก่ง จึงตอบรับในเรื่องนี้ ยามใดที่ป้าโรสรู้สึกเหนื่อยใจสามีของเธอก็จะคอยให้กำลังใจเติมไฟในใจของเธอให้กลับมาลุกโชนเสมอ ทั้งคู่คอยดูแลกันและกันอย่างนี้เสมอมา ดูแลกันทั้งกายและใจ อาจเป็นสิ่งเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่เพียงเท่านี้ก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับป้าโรสเสมอ

แล้วคืนวันอันโหดร้ายก็ได้มาพรากคู่ชีวิตของเธอไปในที่สุด…แต่สำหรับป้าโรสยังคงรู้สึกว่าเขาไม่ได้จากเธอไปไหน เขายังคงอยู่ในความทรงจำของป้าโรส และยังคงอยู่ในใจของเธอตลอดเวลา ในบางเวลาที่ป้าโรสรู้สึกเหนื่อยล้า เขาคนนั้นก็ยังคงคอยส่งกำลังใจให้เธอจากบนสรวงสวรรค์ด้วย

ศิลปะบนผืนผ้าที่สร้างคุณค่าให้ใจคน

กำลังใจที่ไม่เคยเหือดหายไปของคนที่อยู่บนฟ้า ทำให้ป้าโรสมีแรงใจที่ก้าวต่อไปกับการทำเพื่อสังคมและชุมชน เธอเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการพัฒนาทั้งในส่วนผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และด้านการตลาด จนก่อกำเนิดแบรนด์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ขึ้นมาเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และก็มีหน่วยงานต่าง ๆ จากภาครัฐได้ยื่นมือเข้ามาช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากบ้านหัตถศิลป์ด้วย ทำให้ป้าโรสสามารถขยายช่องทางการตลาดไปได้อีกหลากหลายช่องทาง

ศิลปะเป็นสุนทรียะ จึงเป็นสิ่งที่อยู่เหนือข้อจำกัดใด ๆ ไม่ว่าเพศ วัย ฐานะ ทุกคนสามารถเข้าถึงสิ่งนี้ได้อย่างเท่าเทียม เป็นสิ่งที่ทำให้เราพบความสุขในชีวิตได้ และถ้ามองดี ๆ ศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา อยู่ใกล้ตัวเราตลอดเวลา นั่นหมายความว่าความแท้จริงแล้วความสุขก็มีอยู่รอบตัวเรานี่เอง

คำกล่าวของป้าโรส ทำให้เราตระหนักว่า ศิลปะไม่ใช่แค่เรื่องของกิจกรรมยามว่างของใครบางคน แต่เป็นความสุขแบบสากลที่ทุกคนสัมผัสได้ อาจเป็นยาสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า อาจเป็นเพื่อนคลายเหงาของคนวัยเกษียณ หรืออาจเป็นบทเรียนสำหรับคนที่จะฝึกปรือเพื่อยึดอาชีพในอนาคตก็ได้ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่เริ่มต้นจากใจและทำอย่างหลงใหล ใส่ทุกรายละเอียดลงไปด้วยมือของเรา จะเป็นหน้ากระดาษ ผืนผ้าหรือเสื้อผ้าก็ตาม ก็สามารถกลายเป็นงานศิลป์อันทรงคุณค่าที่มีค่าต่อใจคนได้เสมอ และนั่นแหละคือความสุขที่อยู่ใกล้และเราสามารถสัมผัสได้ในทันที

 

แบรนด์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์

หลังจากได้ชื่นชมผลงานผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์อันมีอัตลักษณ์เฉพาะและได้พูดคุยกับป้าโรสผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนบ้านหัตถศิลป์กันเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องลาจากที่นี่ไป เรากล่าวขอบคุณและกล่าวลาคุณป้าโรส ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าของป้าโรสผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ ก็ทำให้เราพบว่าสิ่งดี ๆ และความประทับใจเกิดขึ้นในวันนี้มากมาย จึงอยากจะปิดท้ายด้วยการเชิญชวนทุกคนได้ไปพบและไปสัมผัสถึงคุณค่าของผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ด้วยตัวคุณเอง ผลิตภัณฑ์ของที่นี่แม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนแต่หาใช่ธรรมดา เพราะได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจากกระทรวงอุตสาหกรรม  (มผช.)ประเภทเสื้อผ้าสตรี เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์โอทอปของอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี  เทคนิคการวาดลวดลายลงบนเสื้อผ้าเป็นเทคนิคการเพ้นท์สี โดยมีลวดลายที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ก็คือ ลายกุหลาบและลวดลายแนวธรรมชาติ สีที่ใช้ในการเพ้นท์ก็เลือกใช้สีที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย สามารถสัมผัสกับร่างกายได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง

สำหรับเสื้อผ้าที่นำมาเพ้นท์สีก็มีการถักทอมาจากเส้นใยธรรมชาติ ทั้งจากใบผักตบชวา ไหม ใยลินินและฝ้าย การออกแบบและตัดเย็บก็ทำอย่างประณีตโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อให้สวมใส่สบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เมืองร้อนได้ดี และยังดีต่อสิ่งแวดล้อมตามเทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบันด้วย ยืนยันรางวัลการันตีด้วยการได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ด้าน Green OTOP มาแล้ว

นอกจากผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์ที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักแล้ว ที่บ้านหัตถศิลป์ยังเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้สนใจและรักในงานศิลปะด้วย ซึ่งคุณป้าโรสมีการถ่ายทอดความรู้ ด้านศิลปะให้กับเด็ก ๆ เยาวชน นิสิตนักศึกษา ประชาชน คนทุกเพศ ทุกวัยด้วย หากใครสนใจผลิตภัณฑ์หรือต้องการเข้าเยี่ยมชมสามารถเดินทางไปได้ที่ 

บ้านหัตถศิลป์: เลขที่ 33/352 หมู่16 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 

เบอร์โทร: 089-1272791

Facebook: ผ้าเขียนลายบ้านหัตถศิลป์