ในยุคดิจิทัลแบบนี้ เราจะพบว่าโลกเปลี่ยนเร็วมาก สถานการณ์ต่าง ๆ ต้องตามดูกันวันต่อวัน หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงแบบนาทีต่อนาที จนทำให้คนทำงานและทำธุรกิจรู้สึกว่าไม่สามารถคาดการณ์อะไรล่วงหน้าได้เลย แน่นอนว่าทุกคนต้องการความสำเร็จ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิผลในเชิงบวกในการทำงานและการประกอบกิจการเสมอ ที่เราเรียกว่า Productive แต่ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นแบบนี้ ศักยภาพของเราที่เป็นเพียงคนเล็ก ๆ คนหนึ่งควรจะเริ่มต้นจากจุดไหนดี ถึงจะทำให้เกิด Productivity ตามที่ต้องการ
ก้าวแรกของ Productivity คือจัดการกับ “เวลา”
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “เงิน” คือสิ่งที่มีค่า มีความสำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่มีความสำคัญไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน และสำหรับบางคนมีค่ามากกว่าเงินด้วยก็คือ “เวลา” การจะนับหนึ่งกับการเป็นคน Productive ก็ต้องเริ่มต้นจากการบริหารเวลา ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าต้องเริ่มต้นรู้จักบริหารจัดการตนเอง
โดยธรรมชาติของคนทำงาน หรือ คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ คนเป็นหัวหน้าคนนั้น มักจะยุ่งอยู่ตลอด เรียกว่าแทบจะหาเวลาให้กับตัวเองไม่ได้เลย และยิ่งคนในยุคปัจจุบันที่หันมาเป็นฟรีแลนซ์กันเยอะขึ้นยิ่งแล้วใหญ่ คนกลุ่มนี้แทบไม่มีเวลากับการใช้ชีวิตเลย เพราะทุกนาทีที่ผ่านไป มี “มูลค่า” ทั้งสิ้น ลองคิดง่าย ๆ จากคนขับรถรับจ้าง รถแท็กซี่ต่าง ๆ หากใน 1 ชั่วโมงเขาหยุดไม่วิ่งรถ โอกาสที่จะทำรายได้ก็จะหายไปทันที หรือวิ่งรถแต่ต้องวิ่งรถเปล่า 1 ชั่วโมง นั่นหมายถึงค่าน้ำมัน ค่าแรง ค่าพลังงานที่ต้องจ่ายออกไป คือ ทุกนาทีที่ผ่านไปล้วนตีมูลค่าเป็น “เงิน” ได้ทั้งสิ้น
เมื่อ “เงิน” กับ “เวลา” เชื่อมโยงกันขนาดนี้ จึงต้องมีวิธีการบางอย่างที่จะจัด “สมดุล” ระหว่าง งานกับเวลา หรือจะกล่าวให้ตรงที่สุดคือ จัดสมดุล เงิน กับ เวลา ก็ต้องบอกว่าตอนนี้ใครก็ต้องการ Productivity ทุกคนอยากให้มีงานมาก ๆ มีลูกค้ามาก ๆ จะได้มีเงินพอใช้จ่าย แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกกับเวลาและพลังงานของชีวิตที่ต้องสูญเสียไป
สิ่งที่เราจะต้องตระหนักกันก็คือ ชีวิตคนเรายังมีมิติอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบด้วย เรายังต้องมีเวลาส่วนตัว มีเวลาพักผ่อน มีเวลาให้กับครอบครัว มีเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง ดังนั้น เราจึงต้องพยายามหาวิธีจัดสมดุลตัวเราเองในเรื่องเวลาให้ได้ ในขณะเดียวกันสำหรับผู้ประกอบการและคนที่เป็นหัวหน้า ก็ต้องไม่ลืมความสำคัญในเรื่องของการจัดการเวลาให้กับ “ลูกน้อง” ด้วย เพราะธุรกิจคุณจะ Productive มากขึ้น เมื่อบุคลากรของคุณนั้นมีพลังงานที่จะผลักดันงานอย่างเต็มที่
สภาพแวดล้อมในการทำงาน ก็ช่วยให้ Productive เหมือนกัน
บางงานบางธุรกิจต้องใช้ความสร้างสรรค์อย่างมาก แต่การจำกัดกรอบตัวเองอยู่ในที่ทำงานอย่างเดียว อยู่สภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่จำเจ ก็ไม่ช่วยให้ไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ วันนี้ทางออกหนึ่งที่ดีมากที่หลายองค์กรธุรกิจเลือกใช้กันถาวรไปเลยหลังจากความจำเป็นในช่วงโควิดก็คือ การ Work from Home มีหลายบริษัทไม่เช่าสำนักงานต่อ ให้พนักงานทำงานที่บ้าน ซึ่งปรากฎว่ามีผลต่อความ Productivity ในงานมากขึ้นจริง ๆ ซึ่งสะท้อนว่าสภาพแวดล้อมนั้นมีผลต่อประสิทธิภาพในงานและความสำเร็จไม่น้อยเหมือนกัน
ดังนั้น คุณคงจะต้องค้นหาดูว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนบ้างที่ส่งเสริมหรือช่วยให้คุณ Productive มากขึ้น บางคนต้องอยู่เงียบ ๆ อยู่คนเดียวถึงจะทำงานได้ดี บางคนต้องออกไปพบเจอผู้คนถึงจะเกิดพลัง คนเราไม่เหมือนกัน ก็ต้องหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับตัวเอง และอย่าลืมสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการทำงานที่เหมาะสมให้กับลูกน้องแต่ละคนด้วย
คำวิจารณ์อีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้น Productivity ในตัวเรา
สิ่งที่เราต้องเข้าใจก่อนเลยก็คือ คำวิจารณ์นั้นเป็นได้ทั้งแง่บวก แง่ลบ หากเป็นแง่บวก เราจัดว่าเป็น Feedback ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่าเป็นคำชมอย่างเดียว เป็นคำติก็ได้ แต่เป็นคำติที่ทำให้เราไม่ได้รู้สึกแย่ บางครั้งเรากลับรู้สึกว่าคำติแบบนี้ เราอยากกลับไปขอบคุณคนที่ติมาด้วยซ้ำ ส่วนคำติหรือคำวิจารณ์ที่เป็นเชิงลบ ให้เราจัดประเภทเป็น Noise สิ่งที่รบกวนจิตใจและบั่นทอนเราในการทำงาน
คุณจะเห็นว่าทั้ง Feedback และ Noise ส่งผลต่อจิตใจความรู้สึกในการทำงานของเราทั้งสิ้น ถ้าเราได้ Feedback เยอะเราก็จะมีพลังในการสร้างสรรค์ทำงาน และพัฒนาสินค้าหรือบริการของเราให้ดีขึ้นไปอีก ทำให้เกิด Productive ในตัวเราและธุรกิจของเรามากขึ้น แต่ถ้าเราได้ Noise เยอะ เราจะเริ่มรู้สึกหมดพลัง ท้อแท้จนเราไม่อยากจะทำอีกต่อไป สิ่งสำคัญก็คือ เราจะหาวิธีรับมือกับความรู้สึกแบบนี้อย่างไร จะมีวิธีการไหนบ้างที่เราจะเป็น Noise ให้กลายเป็น Feedback ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนแต่ละธุรกิจกันไป เพราะธุรกิจแต่ละแบบย่อมมีเทคนิคที่ไม่เหมือนกัน
นี่คือพื้นฐานการเริ่มต้นเพื่อให้คุณและให้ธุรกิจของคุณ Productive ประสิทธิภาพและความสำเร็จ ไม่มีสูตรที่ตายตัวเสมอไป แต่เราต้องรู้จักปักหมุดก้าวแรกให้ถูกต้อง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ล่อแหลมมากมาย ถ้าเราจูนจิตใจและความคิดของเราไม่ได้ เราก็จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้ยากมากขึ้น จัดหาสมดุลให้ดีแล้วพรุ่งนี้เราจะเดินได้อย่างเข้มแข็งกว่าเดิมแน่นอน