เราทุกคน เวลามีเรื่องอะไรจะเล่าให้ใครฟัง เราก็มักจะต้องการพื้นที่หรือช่องทาง เพื่อที่จะถายทอดเรื่องราวเหล่านั้นให้กับใครสักคนหรือหลาย ๆ คนได้รับรู้ นั่นเป็นพฤติกรรมอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เราอยู่แล้ว และหากมองกลับมาที่เรื่องของการทำธุรกิจก็ไม่ต่างกัน ถ้าแบรนด์ธุรกิจจะเล่าเรื่องอะไรให้ผู้บริโภคและลูกค้าฟัง ก็ต้องหาแพลตฟอร์มในการเป็นพื้นที่สื่อสาร หลายคนอาจจะนึกถึงโซเชียลมีเดีย อันนั้นก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่าลืมยังมีกลยุทธ์ช่องทางออฟไลน์อีกช่องทาง นั่นคือ กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลาก ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้กันมากในธุรกิจน้ำดื่ม
เทคนิค Storytelling ที่ไม่จบแค่การบริโภค
เมื่อเราซื้อน้ำมาดื่มสักขวด โดยปกติที่เราจะเลือกก็คือ แบรนด์ ราคา หรืออาจจะเป็นเรื่องของโปรโมชั่นที่แฝงกลยุทธ์การตลาด อย่างการส่งชิงโชคลุ้นทอง และเมื่อดื่มเสร็จแล้ว เราก็จะโยนขวดทิ้งไป หากมีการส่งชิงโชคใต้ฝาเราก็จะเก็บไว้แค่ส่วนนั้น ตัวขวดเราก็มักจะทิ้ง ซึ่งนั่นก็นำมาสู่ปัญหาใหม่ในโลกยุคปัจจุบัน นั่นคือ ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากปริมาณของขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ตรงนี้กลายเป็นเสียงสะท้อนกลับไปยังผู้ประกอบการธุรกิจน้ำดื่มแบบต่าง ๆ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ขวดที่ทำมาจากพลาสติก ตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำดื่มต้องพยายามหาวิธีการที่จะช่วยสังคมลดปริมาณขยะพลาสติก
หลายแนวทางถูกนำมาใช้ อย่างการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ ใช้พลาสติกที่ย่อยสลายง่าย แต่ก็ยังไม่ใช่ทางออกที่ตอบโจทย์นัก เพราะในแง่ของต้นทุนย่อมเพิ่มขึ้นในขณะที่ยอดขายเท่าเดิม ผู้ประกอบการจึงหาแนวทางใหม่ นั่นคือ ลองใช้ “กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลาก” ใส่เรื่องราวลงไปที่ฉลากของบรรจุภัณฑ์ โดยสิ่งที่พวกเขาใช้ไม่ใช่แค่การ Storytelling แบบธรรมดาทั่วไป กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากของพวกเขา คือ การผสานระหว่างกลยุทธ์ Storytelling + กลยุทธ์ Limited Collection เข้าหากัน จนทำให้ผู้บริโภคเกิด Emotion เป็นอารมณ์ร่วมขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้ น้ำดื่มของพวกเขาไม่ได้จบแค่การซื้อไปดื่ม แต่กลายเป็นของสะสมไปด้วยในเวลาเดียวกันนั่นเอง
โดดเด่นขึ้นและใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น
การนำกลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากของกลุ่มธุรกิจน้ำดื่มนั้นได้ผลดีมากเลยทีเดียว ทั้งในแง่การสื่อสารกับผู้บริโภค จนสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น และในแง่ของการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะก็ทำได้ดีในเวลาเดียวกัน เพราะคนกินไม่ได้กินแล้วทิ้งขวดไปทันทีเหมือนสมัยก่อน แต่คราวนี้คนกินแล้วมีการเก็บขวดไว้ บางคนถึงขั้นสะสมเลย ตรงนี้ก็ถือว่าได้ผลดีเกิดคาดทีเดียว
หากลองมาวิเคราะห์กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากกันสักเล็กน้อย ก็ต้องบอกว่ากลยุทธ์การตลาดนี้มีพลังในการดึงดูดผู้บริโภคอยู่ในนั้นด้วย การที่ผู้ประกอบการมีการเติมเรื่องราวบางอย่างลงไปในฉลากบรรจุภัณฑ์นั้น ทำให้ภาพรวมของตัวแพคเกจจิ้งทั้งหมดออกมาดูดีมีความสวยงาม เมื่อนำไปวางไว้ที่ตู้แช่ของร้านค้าต่าง ๆ แค่เห็นก็จะรู้สึกสะดุดตาแล้ว ยิ่งถ้ามีการใส่เรื่องราวที่เป็นสากล หรือเป็นตัวละครที่มีอิทธิพลต่อผู้คนลงไปด้วยยิ่งทำให้ผู้บริโภคที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
คุณจะเห็นว่ากลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากนั้น ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ดูโดดเด่นขึ้น และในเวลาเดียวกันก็เชื่อมโยงไปหาผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นด้วย เป็นการ Storytelling แบบไม่ต้องยืดยาว เข้าตำรายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวเลยจริง ๆ
แบรนด์น้ำดื่ม เขา Storytelling เรื่องอะไรกันบ้าง
ตอนนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า แต่ละแบรนด์น้ำดื่มที่เขามีการใช้กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากในขณะนี้ มีการ Storytelling ถึงเรื่องอะไรกันอยู่บ้าง
สปริงเคิล เอาใจสายอนิเมะด้วย One Piece :
แม้ว่าเทียบไซส์กับคู่แข่งในตลาดน้ำดื่มด้วยกันแล้ว สปริงเคิลจะดูเล็กสุดในกลุ่ม แต่เรื่องการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตลาดแบรนด์นี้ก็ไม่เป็นรองใครเช่นกัน ปีที่แล้วใช้กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากกับเรื่องราวของ Star Wars ทำเป็นของสะสมสำหรับแฟน ๆ Star Wars มาปีนี้เอาใจคนรุ่นใหม่สายอนิเมะกับการออก Collection การ์ตูนเรื่อง One Piece
สิงห์กับ Mickey Mouse Character Collection :
ยักษ์ใหญ่อย่างสิงห์ปีนี้ก็ขอ Storytelling เอาใจแฟน ๆ Walt Disney กับ Character ของ Mickey Mouse ที่มีมากถึง 60 ลาย เป็นการเพิ่มความสนุกให้กับผู้บริโภคที่เป็นนักสะสม
เพอร์ร่า เล่าเรื่องเอาใจสายแฟชั่น :
เพอร์ร่าต้องการสื่อสารไปยังผู้บริโภคว่าน้ำแร่ของตนเองมีความพรีเมียม จึงขอเล่าเรื่องราวของตนเองในรูปแบบงานศิลป์แนวแฟชั่น ที่ลงทุนให้นักออกแบบมืออาชีพชาวฝรั่งเศสมาช่วยออกแบบให้ถึง 7 ลายเลยทีเดียว
เย็นเย็น ก็มาพร้อมการ์ตูนอมตะ ดราก้อนบอล แซด :
เย็นเย็น จากค่ายอิชิตันปีนี้ก็ขอสร้างสีสันกับฉลาก Collection ดราก้อนบอล แซด ที่มีแฟนคลับเหนียวแน่นมาก โดยเน้นเจาะไปที่แฟน ๆ การ์ตูนเรื่องนี้โดยตรงเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้คงพอจะทำให้เห็นได้แล้วว่า กลยุทธ์เล่าเรื่องผ่านฉลากนั้นเป็นกลยุทธ์การตลาดสุดคลาสสิกที่ไม่เคยล้าสมัยจริง ๆ มีใช้กันมาตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันก็ยังมีการนำมาใช้อยู่เป็นระยะ ๆ และผู้ที่นำมาใช้ก็เป็นแบรนด์ธุรกิจชั้นนำด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วกลยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่เพียงแบรนด์ใหญ่หรือธุรกิจนำดื่มเท่านั้นที่ทำได้ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดกลางและขนาดเล็กแทบทุกอย่างที่มีการทำแพคเกจจิ้ง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด เพียงแค่ต้องมีการปรับวิธีการเล่าสักเล็กน้อยให้เขากับผลิตภัณฑ์และขนาดธุรกิจเท่านั้น แล้วก็จะสามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคอย่างน่าสนใจได้แล้ว
เครดิตภาพประกอบจาก : Facebook