“ซูชิ” ปั้นด้วยหัวใจ อร่อยจนเทพเจ้ายังต้องกดไลค์

storytelling -jiro-sushi-01

เมื่อเราตัดสินใจว่าจะทำอาชีพอะไร เราก็ต้องอุทิศตัวให้กับมัน เราต้องรักงานที่เราทำ แล้วเราจะทำมันได้ดี เราต้องไม่บ่นงานที่เราทำ ถ้าบ่นก็คือเรายังรักไม่พอ เราต้องอุทิศชีวิตเพื่อพัฒนาฝีมือ มุ่งมั่นที่จะทำให้ดีขึ้น นั่นแหละคือเคล็ดลับความสำเร็จ มันง่ายๆ แค่นั้น และเป็นกุญแจสู่การได้รับการยอมรับอย่างที่ผมเป็นอยู่ในทุกวันนี้

เทพเจ้าซูชิ

ความพิเศษ คือ ความเท่าเทียม

สหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ของโลก คนที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีจึงกลายเป็นคนบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ซึ่ง ณ ช่วงเวลาหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์ของโลก ชายที่ชื่อ บารัค โอบามา เคยได้รับตำแหน่งนี้และเคยได้รับการขนามนามว่า “บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก” มาแล้ว ในช่วงสมัยที่บารัค โอบามา ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาอยู่นั้น มีครั้งหนึ่งที่โอบามาได้ไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งน่าจะเป็นในช่วงเดือนเมษายน ปี 2557 รายงานข่าวในทุกสื่อต่างระบุว่านายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้จัดเลี้ยงต้อนรับประธานาธิบดีโอบามาที่ร้านซูชิ Sukiyabashi

storytelling -sukiyabashi-01

แน่นอนเลยว่าเมื่อเป็นระดับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามาเยือน การจะจัดเลี้ยงตอนรับบุคคลระดับนี้ จะธรรมดาได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะได้เลือกร้านซูชิ Sukiyabashi เป็นสถานที่จัดเลี้ยงตอนรับโอบามา นั่นแสดงว่าร้านซูชิร้านนี้ต้องยิ่งใหญ่อลังการหรูหราระดับภัตตาคารในโรงแรม 5 ดาวอะไรแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่…ความจริงหาใช่เช่นนั้น ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย เพราะร้านซูชิ Sukiyabashiที่ถูกเลือกมาเป็นร้านต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกานี้ กลับเป็นเพียงร้านซูชิที่มีขนาดเล็กมาก ร้านแคบๆที่จุลูกค้าได้เพียง 10 ที่นั่ง และที่สำคัญไปกว่านั้นที่ตั้งก็ไม่ใช่ว่าอยู่บนดาดฟ้าโรงแรมหรูแต่กลับอยู่ในตึกที่เป็นห้องแถวเล็กๆ ใต้สถานีรถไฟใต้ดินกินซ่าในกรุงโตเกียว

storytelling -sukiyabashi-02

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทีมงานและทีมอารักขาโอบามาต้องทำงานกันอย่างวุ่นวายในคืนนั้น เพราะพวกเขามาทราบภายหลังว่าร้านอาหารเล็กๆร้านนั้นไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำ สำหรับรองรับลูกค้า คือ ถ้าผู้นำอย่างโอบามาหรือแม้กระทั่งอาเบะเองก็ตาม ต้องการเข้าห้องน้ำขึ้นมาก็ต้องเดินออกไปใช้บริการห้องน้ำสาธารณะในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น นั่นจึงสร้างความหนักใจให้กับทีมงานของผู้นำทั้งสองกันพอสมควร

storytelling -sukiyabashi-03

และเมื่อเวลาของการลิ้มรสซูชิมาถึง คราวนี้ตัวโอบามาเองก็ยิ่งต้องแปลกใจเป็นทวี เพราะชายชราวัยใกล้ 90 เจ้าของร้าน ค่อยๆบรรจงปั้นซูชิทีละคำด้วยสีหน้าเคร่งครึม และนำเสิร์ฟลงบนถาดอาหารตรงหน้าโดยไม่เปิดให้คนระดับประธานาธิบดีได้มีโอกาสได้เลือกเมนูด้วยตนเองแต่อย่างใด เพราะนี่คือกฎของชายชราผู้หนึ่งที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและเป็นทั้งคนทำอาหารเองด้วย ซึ่งคุณปู่เจ้าของร้านผู้นี้คือนาย จิโระ โอโนะ เขามีกฎว่า “ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าคนใด ก็ไม่มีสิทธิเลือกเมนูจากร้านของเขา” !!! โอ้ว นี่มันร้านอาหารอะไรกันเนี้ย ปกติเราไปกินอาหารไม่ว่าจะร้านแบบสตรีทฟู้ดจนถึงร้านระดับภัตตาคาร ทุกร้านต่างมีเมนูอาหารให้เราเลือกที่จะรับประทานได้ทั้งสิ้น ร้านอาหารต้องเอาใจลูกค้าจัดเมนูตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ แต่ร้านซูชิของคุณปู่วัย 90 นี้ กลับเป็นร้านที่เลือกอาหารให้กลับลูกค้าเสียเอง และที่สำคัญคุณปู่เจ้าของร้านคนนี้เขาใช้กฎนี้ของเขากับคนระดับผู้นำของโลกเสียด้วย ซึ่งเขาไม่แคร์เลยว่าคนๆนั้นเป็นใคร ประมาณว่า “โอบามาเหรอ…แล้วไง” คุณลองคิดดูสิ ระดับโอบามา ระดับชินโซ อาเบะ ผู้นำประเทศมากินอาหารแต่ไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งที่จะเลือกเมนูอาหารที่ตนเองต้องการรับประทาน เอาสิ มันน่าสนุกจริงเชียวคุณว่าไหม

มอบทุกคำด้วยความใส่ใจ

storytelling -sukiyabashi-04

จิโระ โอโนะ เขายึดถือกฎที่ว่าเขาจะเป็นคนพิจารณาความเหมาะสมของอาหารแต่ละคำให้ลูกค้าทุกรายด้วยตัวเขาเอง นั่นคือสิ่งที่เขาตั้งใจและบรรจงมอบให้ลูกค้าของเขาทุกคนอย่างสุดความสามารถ ลูกค้าของเขาทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นคนรับจ้างธรรมดาหรือจะสูงส่งระดับผู้นำประเทศก็ช่าง ต่างก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากมือของเขาไปอย่างเท่าเทียมกัน คุณว่ามันบรรเจิดไหมล่ะ สำหรับไอเดียและแนวคิดของคุณปู่คนนี้ โดยปกติแล้วเมนูอาหารที่เราทุกคนเลือกเองเวลาไปร้านอาหารนั้น คุณอย่าลืมว่าเกณฑ์อย่างหนึ่งที่เรามักจะใช้พิจารณาในการเลือกสั่งด้วยก็คือเรื่องของราคา ในขณะเดียวกันเรามักจะมีสิ่งหนึ่งที่มักละเลยในการพิจารณาเลือกสั่งอาหารไปด้วยนั่นคือ เรื่องของสุขภาพและโภชนาการของอาหารที่สั่ง สมมติว่าคุณไปสั่งก๋วยเตี๋ยวสักชามระหว่างธรรมดากับพิเศษ ไม่มีใครสั่งพิเศษตลอดหรอกเพราะ หนึ่งเรากลัวว่าเราจะกินไม่หมดเหลือแล้วก็เสียดาย สองเราอาจจะมองว่าราคามันแพงไป ส่วนเรื่องของสุขภาพและโภชนาการนั้นเรามักไม่ค่อนนึกถึงนักเวลาเราหิว บางคนสั่งอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพนัก ก็เพราะเหตุผลง่ายๆว่า “แค่อยากกิน” นี่คือสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันของเรา แต่สำหรับคุณปู่จิโระ โอโนะนั้นกลับมองว่า เรื่องเหล่านี้ขอให้เขาเป็นคนคัดสรรและเลือกเฟ้นให้กับผู้บริโภคเองดีกว่า เป็นการคิดกลับด้านที่ดูเหมือนจะไม่เข้าท่า แต่ก็เป็นไอเดียที่เจ๋งไปในตัวเองด้วย

ในขณะที่มือหนึ่งนวดข้าวและอีกมือจัดแต่งปลาบนหน้าซูชิเพื่อวางให้ลูกค้าทานสดๆนั้น คุณปู่จิโระจะสังเกตรายละเอียดของลูกค้าทุกคน มันสำคัญแม้กระทั่งว่าลูกค้าที่เข้ามาทานเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถนัดมือซ้ายหรือขวา เพราะสิ่งเหล่านี้เราจะรังสรรค์และจัดแจงปั้นออกมาให้ถนัดกับการหยิบจับรับประทานของลูกค้า อย่างถ้าลูกค้าเป็นผู้หญิง ซูชิของผู้หญิงก็จะต้องชิ้นเล็กกว่าผู้ชาย และเมื่อลูกค้าใช้มือข้างไหนหยิบซูชิคำแรกเข้าปาก จิโระก็จะเสิร์ฟคำต่อๆไปให้เหมาะสมตามความถนัดของลูกค้า ตลอดจนถึงการจัดชุดเสิร์ฟที่ต้องเรียงตามลำดับรสชาติเพื่อความอิ่มอย่างลื่นไหล และทั้งหมดนี้ทำเพื่อให้ลูกค้าสามารถทานซูชิได้หมดภายในหนึ่งคำได้อย่าง “อร่อยที่สุด”

storytelling -jiro-sushi-02

ความเข้มงวดจริงจังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนได้รสชาติซูชิที่เยี่ยมยอดที่สุดของคุณปู่จิโระ โอโนะ ทำให้ร้าน Sukiyabashi คว้ารางวัลระดับโลกด้วยการรับเรต 3 ดาวจากสุดยอดคัมภีร์แห่งสุนทรียในรสชาติของอาหารอย่าง Michelin Guide ติดต่อกันหลายปีซ้อนและร้านที่ได้รางวัลการันตีจากสถาบันนี้จะกลายเป็นร้านอาหารในตำนานของบรรดานักชิมทั่วโลกเลยทีเดียว

ซูชิโด เรียบง่ายแต่แสนพิเศษ

สำหรับคุณปู่จิโระการทำซูชิไม่ใช่แค่เรื่องของการทำอาหาร แต่สิ่งนี้คือ “วิถี” ที่อยู่ในลักษณะการดำเนินชีวิตของผู้คน ทุกสิ่งที่ทำคือการ “ใส่ใจ” และให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ที่ไม่ใช่ว่าจะไปเลือกซื้อปลาจากร้านไหนก็ได้ คุณปู่จิโระละเอียดอ่อนถึงขั้นที่ว่าจะซื้อเฉพาะร้านขายปลา “ขั้นเทพ” เท่านั้น เทพอย่างไรเอาเป็นว่าถ้าพ่อค้าเอามือขยี้เนื้อปลาเล็กน้อยก็ต้องรู้แล้วว่าปลานั้นสดหรือไม่สด ส่วนกุ้ง ปลาหมึก หอยเม้น ผัก อันเป็นวัตถุดิบอื่นๆ คุณปู่จิโระ โอโนะ ก็จะเลือกเฟ้นแต่ที่เป็นสุดยอดเท่านั้นเช่นกัน พอมาถึงขั้นตอนการผลิต ข้าวก็ต้องละเอียดในการหุงด้วยถึงขนาดต้องคำนวนความร้อนและความดันในการหุงกันเลย ปลาหมึกจะนำมาทำก็ต้องนวดคลึงด้วยท่าทางที่ถูกต้องให้ได้นานถึง 45 นาทีเท่านั้น เพื่อที่จะได้เนื้อปลาหมึกที่นุ่มละมุนลิ้น การหั่นปลาทูน่าก็ต้องให้ได้ความหนาบางที่พอดี หนาไปหรือบางเกินไปก็จะต้องทิ้งไป เรียกว่าพิถีพิถันและละเอียดอ่อนในทุกคนตอนจริงๆ

“ซูชิไม่ใช่แค่การเอาปลามาวางบนข้าวปั้นแล้วเสิร์ฟ แต่มันคือความสมดุลระหว่างปลาแต่ละชนิดกับปริมาณข้าวที่พอดีกัน เมื่อทานแล้วผู้ที่ทานสามารถลิ้มรสชาติของปลาได้เต็มที่”

ทุกวันนี้ ร้านซูชิเล็กๆ ของคุณปู่จิโระมักถูกถามไถ่อยู่เสมอว่าทำไมไม่คิดจะขยับขยายร้านค้าให้ใหญ่โตโอ่อ่า หรือเปลี่ยนแปลงให้เป็นร้านซูชิแบบสมัยนิยมให้ดูสมศักดิ์ศรีความเป็นสุดยอดซูชิบ้าง แต่จิโระกลับตอบคำถามของทุกคนด้วยคำถามที่ลุ่มลึกว่า

“แล้วคุณรู้ไหมว่า เพราะอะไร ซูชิง่ายๆ พื้นๆ ถึงได้มีรสชาติที่ลุ่มลึกนัก”

คำเฉลยของจิโระนั้นมีแค่ว่า เพราะความเรียบง่ายที่แท้จริง นำมาซึ่งรสชาติอันแสนพิเศษ ทุกขั้นตอนในการทำงานของเขาจึงไม่ได้มีสูตรลับใดที่เป็นปริศนาอยู่เบื้องหลัง จะมีก็แต่เพียงการทุ่มเททำงานหนักทั้งชีวิตจิตใจ ฝึกฝนทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสัญชาตญาณแห่งศิลปินผู้ไม่ยอมหยุดนิ่ง จิโระคือบุคคลที่ทำงานของเขาด้วย Passion ที่เขามีต่อการทำซูชิ ซึ่งการที่จะมาถึงจุดนี้ของเขาไม่ได้ง่ายเลย จิโร่มีชีวิตที่ลำบากมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาต้องปากกัดตีนถีบทำงานหนักมาตั้งแต่วัยเยาว์ และนั่นทำให้เขาเชื่อมาโดยตลอดว่า “ไม่มีใครที่ไม่ทำงานหนักแล้วก็ประสบความสำเร็จ” เรื่องของความสำเร็จนั้นไม่เคยมีทางลัด เพียงอย่าใจร้อน อย่าเร่งรีบแล้วคุณค่าของสิ่งที่ทำก็จะค่อยๆเผยออกมาเองทีละน้อย

jiro-ono

ทำแล้วมี “ความสุข” นั่นล่ะรางวัลที่ยิ่งใหญ่

ไม่เคยมีใครเห็นจิโระหยุดทำงานเลยสักครั้ง ผ่านมา 80 ปี เขาทำงานมาแทบทุกวัน จะมีเพียงครั้งเดียวที่เขาหยุดเพราะมีเหตุจำเป็นต้องไปงานสำคัญ ขนาดวันที่ต้องเดินทางไปรับรางวัลระดับโลกอย่าง Michelin Stars ระดับ 3 ดาว จิโระก็ไม่หยุดงาน เขาไปรับรางวัลในตอนเช้า แล้วก็รีบกลับมาร้านเพื่อปั้นซูชิต่อ โดยเขากล่าวกับทุกคนว่า อยากรีบกลับร้าน กลับไปทำงาน เพราะ “ทำแล้วมีความสุข” เรื่องราวของจิโระได้รับการกล่าวขานจนขจรกระจาย และดังไกลไปถึงต่างแดน และในที่สุดก็ได้ไปเข้าหู เดวิด เกล์บ (David Gelb) ผู้กำกับยอดฝีมือชาวอเมริกัน นั่นจึงนำไปสู่ภาพยนตร์เรื่องนี้ Jiro Dreams of Sushi : เทพเจ้าซูชิ ภาพยนตร์สารคดีที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่กินใจ และทำให้เราได้คิดและย้อนมองดูการใช้ชีวิตในแต่ละวันของตนเองได้ทั้งเรื่อง นับว่าเรื่องนี้เป็นหนังดีให้แง่คิดในการดำเนินชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและการทำงานได้อย่างเยี่ยมยอด ที่สำคัญทำให้ใครหลายๆคนอยากไปสัมผัสซูชิระดับเทพเจ้ายังกดไลค์นี้ด้วยตัวเองด้วย ซึ่งคงเป็นไปได้ยากที่เราจะเข้าถึงความอร่อยระดับตำนานแบบนี้ในญี่ปุ่น

Jiro Dreams of Sushi - Trailer

แม้ว่าจะเป็นการยากที่เราจะมีโอกาสไปสัมผัสรสชาติซูชิจากนักปั้นซูชิระดับหัตถ์เทพเจ้าอย่าง จิโร่ โอโนะ แต่คุณสามารถที่จะหาโอกาสไปลิ้มรสซูชิระดับเทวาของแท้แบบฮอกไกโดกันได้ไม่ยาก แค่คุณเดินทางไปที่ IconSiam ชั้น 4 โซน Rose Dining ฝั่ง Siam Takashimaya และตรงเข้าไปที่ร้าน Otaru Masazushi เท่านี้คุณก็จะได้ลิ้มรสซูชิระดับเทพได้เหมือนกันแบบง่ายๆแล้ว ซึ่งร้าน Otaru Masazushi หนึ่งร้านเก่าแก่ที่คนเมือง โอตารุ (Otaru) บนเกาะฮอกไกโดต่างรู้จักกันดี เพราะร้านนี้เปิดมานานกว่า 80 ปี เรียกว่าเป็นร้านคู่เมืองอันเก่าแก่ของโอตารุเลยทีเดียว ใครที่เป็น Sushi Lover รับรองถูกใจสุดๆแน่นอน

Otaru Masazushi-branded-content01

Otaru Masazushi จัดเต็มด้วยคอร์สซูชิสุดหลากหลาย แซลมอนของที่นี้บอกเลยว่าอร่อยประทับใจคนรักอาหารญี่ปุ่นแน่นอน นอกนั้นยังมีปลามะไดที่สดหวานละมุ่นลิ้น และ ปลาอาจิที่หนึบนุ่มอร่อย รวมถึงอีกหลากหลายเมนูซูชิและอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับแท้ๆที่ใครพลาดไปจะต้องเสียหาย อีกหนึ่งความอร่อยระดับเทพเจ้าต้องยกนิ้วแบบนี้ คุณไปพบได้ที่ Otaru Masazushi ชั้น 4 IconSiam นี่คือความงดงามของรสชาติอาหารที่คุณต้องลอง (ใครสนใจจะไปลิ้มลอง แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อให้เชฟเตรียมวัตถุดิบชั้นเลิศไว้ให้คุณ เพื่อการรังสรรค์สุดยอดเมนูระดับเทพไว้ให้คุณได้ทุกเมนูแบบพร้อมที่สุดนั่งเอง)

Otaru Masazushi-branded-content04
Otaru Masazushi-branded-content03

รายละเอียดติดตามได้ที่ Facebook : Otaru Masazushi


เครดิตภาพจาก

CNN

grubstreet

bkkmenu.com